งั่งตาโปนมะขามเทศ (ลูกรัก)
(เว็บอื่นเค้าเรียกพ่อแต่ผมขอเรียกว่าลูกนะครับ) อย่างที่ทุกท่านทราบนะครับว่า มะขามเทศ คืองั่งตัวแรกในชีวิตผม ด้วยความประทับใจในการเจอกับมะขามเทศครั้งแรก ทำให้ผมถึงขั้นกับต้องตามหาและเก็บสะสมงั่งแบบต่างๆ เพราะในครั้งแรกที่ได้มะขามเทศมานั้น จับดูแล้วรู้เลยครับว่ามาถูกทางแล้ว ไอ้เครื่องรางของขลังที่หน้าตาแบบนี้แหล่ะ…ใช่เลยสำหรับผม ไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ งั่งตาโปนมะขามเทศ
แต่มีคำถามในใจผมอีกมากมายครับว่า ไอ้งั่งตาโปนอุดกริ่งที่ชื่อมะขามเทศตัวนี้ เวลาใช้งานแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะที่ไปอ่านข้อมูลเจอมาแต่ละอย่างนี่ สุดๆทั้งนั้น เรียกว่าคนทั่วไปถ้าอ่านแล้วเชื่อตาม จะคิดว่าการใช้งานงั่งนั้น เหมาะสำหรับคนแนว DARK เลย
แต่ผมไม่ใช่คนที่เชื่ออะไรง่ายๆอยู่แล้วครับ มันต้องพิสูจน์กันดูสักตั้ง ตั้งแต่วันแรกที่ผมได้งั่งมา (24/8/56) นับถึงวันที่ผมนั่งพิมพ์บทความนี้อยู่ (19/11/57) ผ่านมาแล้วปีกว่าๆ ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น ผมได้เสาะหาและรวบรวมงั่งในแบบต่างๆเพราะต้องการจะพิสูจน์อะไรหลายๆเรื่อง
จนผมรู้สึกว่า…จริงๆแล้ว งั่งตัวที่เจ๋งที่สุดของเราก็คืองั่งตัวแรก ซึ่งก็คือมะขามเทศนั่นเอง ที่คิดได้แบบนี้เพราะว่าผมเองก็มีโอกาสได้เป็นเจ้าของงั่งพิมพ์ที่เค้าว่ากันว่าสุดยอด…ด!!! แต่พอใช้งานไปแล้วกลับไม่ได้รู้สึกแตกต่างกับการใช้งานงั่งในแบบอื่นๆมากนัก (ถึงแม้จะเคยเจอแบบที่ดิ้นได้สั่นได้มาแล้ว)
ผมรู้สึกผูกพันกับมะขามเทศมากที่สุด พอมีโอกาสที่ได้ไปเที่ยวที่ไหน ที่ๆสามารถเอางั่งไปได้แค่ 1 ตัว ผมก็เอามาขามเทศไปครับ ช่วงที่ไปต่างประเทศ ตอนตรวจผู้โดยสารขาออกก่อนที่จะขึ้นเครื่องซึ่งต้องผ่านการตรวจโลหะ ผมก็พกมะขามเทศไปด้วยครับ
เอาไปแค่ตัวเดียวเพราะไม่อยากใส่กระเป๋าเสื้อผ้าโหลดเข้าใต้เครื่อง ต้องอยู่ติดตัวผมตลอด ก็เลยมีโอกาสได้เก็บภาพสวยๆมาฝากทุกท่าน
หลายคนถามผมมาว่า ผมได้มาแพงไหม บอกเลยครับว่าราคาสูงพอสมควร แค่บอกแฟนว่าเช่าพระมาในราคานี้ ถึงกับทำหน้างอและบ่นใส่ผมทันทีว่า พระอะไรก็ไม่รู้หน้าตาก็ประหลาด คนทั่วไปเค้าก็ไม่นิยมเล่นกัน ราคาก็แพงมาก (โกรธผมเลยครับ) ผมเข้าใจนะครับว่าที่เค้าบ่นเพราะราคามันสูงมากและก็ยังไม่เห็นคุณค่าหรือประโยชน์ของงั่งตาโปนอุดกริ่งตัวนี้
ชิชะ…นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ผมยอมแพ้ได้หรอกครับ พอผมได้มาผมก็เล่าให้แฟนผมฟังทุกอย่างว่าพระแบบนี้เค้าเรียกว่าอะไร เค้าใช้งานกันแบบไหน และมีความเชื่อว่าอย่างไร พอเล่าให้ฟังเท่านั้นแหล่ะครับ กลัวไปเลย ผมเลยบอกว่าไม่ต้องกลัว มาอยู่กับผมผม เอาอยู่แน่นอน ไม่มีปัญหา (ยอมรับครับว่ายังไม่รู้หรอกว่าถ้าได้มาแล้วจะเป็นอย่างไร)
ซึ่งตั้งแต่ที่ผมได้มาก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ ช่วงที่ใช้งานมะขามเทศนั้น ก็เจอประสบการณ์แปลกๆมากมาย แต่ผมไม่เคยฝันหรือว่าเห็นตัวของมะขามเทศเลยนะครับ ที่จัดหนักๆให้ผมก็จะเป็นวันแรกที่ได้จับและก็อีก 2 วันต่อจากนั้นที่มึนหัวตลอด หลังจากหายมึนก็จะสัมผัสได้บ้างเวลาเอามาจับเล่น ก็จะมึนหัวแบบตึ่บๆ ผมใช้วิธีการบอกในใจครับว่า รู้แล้วว่ามีตัว พอได้แล้ว แต่ถ้านึกในใจบอกแล้วยังไม่หาย ผมก็จะใช้ไม้ตายครับ ผมจะกัดเบาๆที่หัวแหลมๆของมะขามเทศ ทำเสร็จก็ดีขึ้นนะครับ ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า 555
พอผ่านการใช้งานไปซัก 4-5 เดือน อาการเหล่านี้ก็จะหายไปครับ แทบจะไม่รู้สึกอีกแล้ว ผมเชื่อว่าเราคงจะคุ้นเคยกันดีแล้ว เลยไม่รู้สึกอะไรอีก ซึ่งได้คุยกับหลายๆคนมาแล้วก็จะเป็นคล้ายๆกันครับ
เอาล่ะครับ ในเมื่อมะขามเทศได้มาเปิดจิตของผมในด้านนี้แล้ว ถือว่าเรามาเริ่มต้นประสบการณ์ต่างๆไปพร้อมกัน หากนับตั้งแต่วันแรกที่ผมได้มะขามเทศมา ตอนนี้ผ่านมาแล้ว 1 ปี ผมก็อยากให้ทุกท่านได้มีประสบการณ์และได้เห็นศรีนครินทร์…เฮ้ย!!! พัฒนาการของ “มะขามเทศ” ไปพร้อมๆกับผม (แหม่…จะเอาฮาไปถึงไหน ศรีนครินทร์เป็นชื่อถนนที่อยู่ในกรุงเทพน่ะครับซึ่งมันจะเชื่อมต่อกับถนนพัฒนาการ เวลาผมจะเล่นมุกเกี่ยวกับคำว่า พัฒนาการ ผมก็จะใช้คำว่า ศรีนครินทร์ แทนเพราะคนจะเข้าใจง่ายกว่าว่าผมจะพูดคำว่าอะไร หากท่านอ่านแล้วไม่เข้าใจก็ต้องขอโทษด้วย แต่เชื่อไหม ขนาดผมพิมพ์เองยังนั่งขำเองเลยครับ)
ดังนั้น หน้านี้จะเป็นหน้าที่มีการอัพเดทแบบยาวๆ โดยผมจะเน้นลักษณะทางกายภาพและประสบการณ์ของมะขามเทศเป็นหลักนะครับ มาติดตามกันครับว่าถ้าผ่านไปอีกซัก 10 ปี หน้าตาของกระทู้นี้มันจะกลายเป็นแบบไหน หรืออีก 30 ปีข้างหน้า ถ้าผมจะทำการส่งต่อมะขามเทศให้ลูกหรือหลานของผม ผมก็แค่บอกว่าไปอ่านประสบการณ์ของมะขามเทศได้จากกระทู้นี้เลย อันนี้คงดีไม่น้อย 555
ป.ล.ผมตั้งชื่องั่งตาโปนอุดกริ่งตัวนี้ว่า “มะขามเทศ” เพราะว่าผมชอบผลไม้ชนิดนี้มากครับ ผมสามารถกินได้ทุกวันวันละ 0.5-1 ก.ก. สบายๆ
ฝันดีครับ…มิตรรักแฟนงั่งทุกท่าน
(19/11/57)