นึกย้อนกลับไปในวัยเด็กจำได้ว่า พระที่เลือกมาแขวนคอด้วยตัวเองตั้งแต่ประถมต้นคือ เหรียญในหลวง ร.9 ซึ่งแขวนอยู่หลายปีครับ จนหลังเหรียญสึก (ก่อนหน้านั้นก็แขวนพระนะครับ แต่เด็กมากเลยจำไม่ได้) พอเริ่มโตขึ้นหน่อยช่วงประถมกลาง ผมถามพ่อว่าพระแต่ละแบบต่างกันอย่างไร แบบไหนเป็นอย่างไร ใช้ด้านไหน ซึ่งหลังจากเลือกพระบนหิ้งแบบต่างๆมาดูแล้ว ผมรู้สึกชอบหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง เป็นพิเศษ เพราะว่าการออกแบบและลวดลายบนเหรียญนั้น เห็นแล้วรู้สึกถูกตาต้องใจครับ จึงได้เปลี่ยนมาแขวนเหรียญหลวงพ่อแช่ม แขวนอยู่นานหลายปีเช่นกัน ซึ่งแต่ก่อนก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเลี่ยมก่อนแขวน เพราะว่าเน้นใช้งาน ไม่ได้เน้นด้านโชว์หรือเก็บเพื่อขาย การแขวนพระสมัยเด็กๆนั้นถือเป็นเรื่องปกติของผม ใส่ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีการถอด และด้วยความเป็นเด็กก็มักจะเล่นกับเพื่อนจนเหงื่อออก ซึ่งจำได้ว่าเคยโดนเหงื่อที่สัมผัสผิวพระกัดผิวจนเป็นแผลถลอก เพราะว่าคันและเกา แต่ก็ไม่ได้ถอดพระออกนะครับ ยังคงใส่เหมือนเดิม ใส่จนเหรียญหลวงพ่อแช่มสึก ลายด้านหลังเริ่มจาง ซึ่งตอนนั้นผมก็เริ่มโตขึ้นประถมปลาย
โดยช่วงนั้นคุณอาผมบวชที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งพระกำลังดังเป็นกระแส ผมจึงเปลี่ยนมาแขวนพระวัดปากน้ำ ซึ่งรุ่นที่ผมแขวนตอนนั้นเป็นพระผง รุ่น 7 นำไปเลี่ยมกรอบพลาสติกกันน้ำ (อันนี้จำเป็นต้องเลี่ยมเพราะไม่เลี่ยมแขวนไม่ได้ครับ 555) โดยแขวนอยู่จนถึงมัธยมต้น ซึ่งกรอบที่เลี่ยมมานั้นไม่ค่อยดี ใช้งานไปนานเข้าแล้วร้าวและน้ำซึมเข้าพระ จึงจำเป็นต้องถอดออกเพื่อเปลี่ยน แต่จำไม่ได้ว่าเพราะอะไร ทำไมหลังจากถอดแล้วจึงไม่ได้แขวนพระอง์ใหม่ต่อ ปล่อยคอว่างยาวเลยครับ (อาจจะเป็นเพราะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องพระเท่าไหร่)
จนอยู่มาวันนึง คุณแม่มาชวนไปวัดสุทัศน์ ซึ่งการไปวัดสุทัศน์ในครั้งนั้น ไม่ได้แตกต่างหรือมีอะไรเป็นพิเศษสำหรับผมก็แค่แวะไปหาหลวงน้าที่บวชอยู่ในช่วงนั้น หลังจากเจอหลวงน้า ก็พูดคุยกันตามปกติ ซึ่งหลวงน้าผมก็บอกว่ามีของดีจะให้ เก็บไว้ดีๆล่ะ และได้ให้ผมไปกราบพระเกจิรูปหนึ่งซึ่งอายุมากแล้ว จำได้ว่าตอนนั้นท่านอายุร้อยกว่าปี ท่านมาปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดสุทํศน์พอดี สิ่งที่ผมได้มาจากหลวงน้าก็คือ ตะกรุดสีดำ 2 ดอกใหญ่ เชือกสีแดงพร้อมลูกตะกั่ว 2 เม็ด (ซึ่งมารู้ตอนหลังว่าเรียกว่าลูกสะกด) พ่อของผมได้บูชาวัตถุมงคลมาจำนวนนึง ซึ่งตอนนั้นเห็นว่ามีการลงโฆษณาในหนังสือพระ และมีผู้คนสนใจมาดูวัตถุมงคลที่วัดอยู่บ้าง แต่ไม่มาก ซึ่งพระภิกษุที่ผมได้กราบในวันนั้น คือ หลวงปู่หมุน ณ.ตอนนั้น ท่านก็เป็นพระที่อายุมาก และมีชื่อเสียงเฉพาะกลุ่มลูกศิษย์และผู้ที่ศรัทธา ส่วนตัวผมรู้สึกว่าท่านจะดูดุๆหน่อย ผมมีโอกาสแวะไปหาหลวงน้า 2-3 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็จะได้วัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังของหลวงปู่หมุน ติดไม้ติดมือกลับมาเสมอ ผมเลยมีโอกาสได้สัมผัสกับวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังอีกครั้ง
จนเวลาผ่านไป ผมจบมัธยมและได้เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งสมัยนั้นถูกเรียกว่า “สถาบันเทคโนโลยี” ซึ่งจำเป็นจะต้องย้ายไปอยู่หอพัก การอยู่หอในช่วงปี 1 นั้น รู้สึกว่าสบายๆครับ เพราะตอนนั้นยังไม่ได้สัมผัสกับเหล้ายาปลาปิ้ง แต่เมื่อขึ้นปี 2 ผมเองได้เข้าสู่วงการสุราและนารี จึงทำให้รู้สึกว่าการใช้ชีวิตในช่วงนั้น ไม่ง่ายเหมือนตอนปี 1
หลายๆครั้งรู้สึกว่าไม่ค่อยปลอดภัย เพราะว่าจะมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง และมีเรื่องอยู่บ่อยครั้ง (ผมไม่ใช่คนก่อเรื่องนะครับ แต่การอยู่กับกลุ่มเพื่อนฝูง ในช่วงวัยรุ่นนั้น มันหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ) จนผมกลับมาบ้านช่วงวันหยุด จึงได้รื้อหิ้งพระเพื่อหา “ของดี” มาใช้และสิ่งที่ผมเลือกเอามาติดตัวคือ “ตะกรุดหลวงปู่หมุน” ซึ่งตะกรุดดอกนี้ ผมใช้ในช่วงระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย จนจบปี 4 ซึ่งประสบการณ์ครั้งแรกกับเครื่องรางของขลังของผม ก็เกิดกับตะกรุดดอกนี้ครับ
อ่านบทความเรื่องประสบการณ์ตะกรุดหลวงปู่หมุนได้ที่ลิงค์นี้ครับ ประสบการณ์ตะกรุดหลวงปู่หมุน ซึ่งหลังจากเรียนจบเข้าสู่วัยทำงานแล้ว ผมก็ไม่ได้ใส่ตะกรุดหลวงปู่หมุนหรือพระเครื่องอื่นๆ เนื่องจากชีวิตการทำงานในใจกลางเมืองหลวงนั้น ทำให้ผมห่างหายและหลงลืมประสบกาณ์ต่างๆที่เคยเจอมาเมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากที่ทำงานได้ประมาณ 4 ปี ผมมีโอกาสได้บวช 1 พรรษา ซึ่งการบวชในครั้งนี้ ผมบวชที่วัดสุทัศน์ ซึ่งทำให้ผมได้กลับมาสัมผัสกับวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังอีกครั้ง เพราะเป็นช่วงที่หลวงปู่กาหลงและหลวงพ่ออั้น ท่านมาปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดพอดี ซึ่งตลอด 1 พรรษาที่ผมบวชนั้น ผมได้ใกล้ชิดกับเรื่องนี้มาก และระหว่างที่บวชนั้น ผมก็ได้เจอกับประสบการณ์ของตะกรุดหลวงปู่กาหลง อีกครั้ง ซึ่งได้เล่าไว้ที่ลิงค์นี้ครับ ประสบการณ์ตะกรุดช้างผสมโขลง หลวงปู่กาหลง
จนบวชครบพรรษาจึงสึกออกมาและก็เข้าสู่ชีวิตของการทำงานอีกเช่นเคย ผ่านมาจนในวัยสามสิบต้นๆของผม (ประมาณปี 2557) ชีวิตการทำงานเริ่มมั่นคง มีครอบครัว เริ่มรู้สึกโหยหาบางอย่างในชีวิต ซึ่งบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร แต่มารู้ตัวอีกที ตอนที่ได้รู้จักเครื่องรางของขลังที่เรียกว่า “ไอ้งั่งหรือพระงั่ง” ผมศึกษาและทดลองใช้งานตามแบบที่ได้ยินมา จึงเป็นสาเหตุให้ผมสร้างเว็บนี้ขึ้นมาเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ให้กับมิตรรักแฟนงั่ง ซึ่งจากการใช้งานดูแล้วจึงเข้าใจว่าที่แท้จริงแล้ววัตถุมงคลชนิดนี้นั้น ใช้งานอย่างไรได้บ้าง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมหวนนึกถึง พระเครื่อง วัตถุมงคล และเครื่องรางของขลังที่เคยใช้มาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก
ผมจึงรื้อหิ้งพระที่บ้านคุณพ่ออีกรอบ แล้วรวบรวมวัตถุมงคลมาส่วนนึงเพื่อนำติดตัวมาที่บ้านที่ผมอยู่ปัจจุบัน โดยเลือกวัตถุมงคลที่ผมมั่นใจมากที่สุด ซึ่งไม่ต้องแปลกใจ หากเหรียญในหลวง ร.9 หลวงพ่อแช่มวัดตาก้อง และตะกรุดรวมถึงวัตถุมงคลหลวงปู่หมุน และหลวงปู่กาหลง จะเป็นสิ่งที่ผมเลือกมาประจำการที่บ้านผม ซึ่งผมได้รวบรวมรูปภาพและทำเป็นวีดีโอ เอามาแชร์ให้กับทุกท่านได้ได้ดูกันครับ
แอดเป็นเพื่อนกับ MODERN MAJIK ใน Line คุณจะไม่พลาดข่าวสารและบทความล่าสุดจากเรา
บันทึก
บันทึก
บันทึก
บันทึก