บทความนี้ MODERN MAJIK คัดลอกมาจาก มรดกมงคล สามารถกดลิงค์เพื่อไปดูบทความต้นฉบับได้ตามลิงค์นี้ครับ https://www.moradokmongkol.com/lpphued/
ตามหาพระอาจารย์เก่ง ๆ
เมื่อเปิดร้านมรดกมงคลที่ตลาดพระเครื่องวงเวียนเล็กใหม่ ๆ ได้รู้จักลูกค้าคนหนึ่งชื่อ เต้า ได้พูดคุยกันว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีพระเกจิอาจารย์เก่ง ๆ เลย ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยได้ร่ำได้เรียนทางไสยศาสตร์มา อย่างดีก็ได้อ่านจากหนังสือที่พิมพ์ขายโดยไม่มีผู้รู้คอยสั่งสอน หรือก็ได้แต่ฟังๆ เขาเล่าสืบต่อมา ไม่สามารถทำได้จริง บางท่านไม่เชื่อเลยก็มี ที่แย่ที่สุดคือไม่เชื่อแล้วยังหลอกลวงคนอื่นอีก ให้หลงเชื่อว่าจะเก่งกล้าวิชา คนโน้นคนนี้ได้ของไปใช้มีประสบการณ์มากมายแต่หาตัวจริงไม่เจอ มีแต่โฆษณาชวนเชื่อตามสื่อต่าง ๆ ที่ทำได้จริง ๆ ไม่ค่อยมี เต้า ก็บอกว่าหลวงลุงของเขาเป็นพระที่แก่กล้าวิชาโดยเฉพาะ ปลัดขลิกและเบี้ยแก้ แต่เป็นพระลูกวัดธรรมดา ไม่ใช่เจ้าอาวาส ผู้เขียนก็อยากรู้จักแต่เจ้าเต้าก็ไม่ยอมพาไปสักที จะแล้วจะอีกจนผู้เขียนเลิกสนใจ อยู่มาวันหนึ่งก็ได้คุยกันจนเกือบโกรธกัน เพราะเจ้าเต้ากลัวว่าจะเอาหลวงลุงของเขาไปโปรโมทขายวัตถุมงคล ผู้เขียนก็รับรองว่าจะไม่นำหลวงลุงมาทำการค้าแน่ ๆ เจ้าเต้าจึงได้พาไปหาหลวงลุงของเขา ผู้เขียนขอเรียกท่านว่าหลวงตาเผือด นราสโภ ท่านเป็นพระหลวงตาธรรมดา ๆ จำพรรษาอยู่ที่วัดมะกอก ถนนพุทธมณฑลสาย 1 กทม นี่เอง ไม่ได้อยู่ห่างไกลที่ไหน
หลวงตาจอมขมังเวทย์
ได้พบหลวงตาเผือดครั้งแรกก็ถูกใจ เพราะท่านเป็นพระลูกทุ่ง ตรงไปตรงมา ไม่ตุกติก ค่อนข้างสันโดษ พูดจาน้ำเสียงดุ ๆ ถามอะไรตรง ๆ ไม่มีพิธีรีตองให้วุ่นวาย อยากได้อะไรก็บอก จะให้ช่วยอะไรก็บอก ถ้าไม่บอกให้ช่วยก็จะไม่ช่อย ไม่ขอก็ไม่ให้ ให้ท่านดูท่านก็ดูให้แล้วก็เฉย ผู้เขียนเทียวไปหาทุกวันพุธซึ่งเป็นวันที่ไม่ได้เปิดร้าน เพราะยิ่งสนิทกับหลวงตาเผือดมากก็ยิ่งถูกใจ ท่านชอบพูดอะไรตรง ๆ ข้องใจอะไร อยากรู้อะไรก็จะถามตรง ๆ เมื่อรู้ว่าผู้เขียนมีความรู้เรื่องไสยศาสตร์อยู่บ้าง ท่านก็ยิ่งถูกใจและได้แลกเปลี่ยนวิชาบางอย่างที่ท่านไม่รู้จากผู้เขียนไป อย่างยันต์โสฬสสายวัดสุทัศน์ฯ ยันต์มหาระงับของหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ และท่านก็ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาที่ท่านได้ร่ำเรียนมาให้ ยกเว้น ยางู เพราะมีข้อห้ามที่ผู้เขียนไม่สามารถทำได้ ท่านก็บ่นเสียดายอีกหน่อยคงจะสูญ หลวงตาเผือดค่อนข้างจะหวงวิชาไม่ยอมให้ใครง่าย ๆ
ถูกงูกัดมา หลวงตาเผือดช่วยที
บ้านเดิมของหลวงตาเผือดอยู่ใกล้ ๆ วัดมะกอก ท่านจึงเป็นพระที่คนพื้นที่รู้จักและได้พึ่งพาอาศัยกัน ไม่ว่าคนหรือสัตว์ถูกงูพิษกัด ถ้ามาถึงวัดได้โดยยังไม่ตายก็หายได้ทุกราย บางรายไม่สามารถมาได้ ญาติก็จะมาตามให้หลวงตาไปทำการรักษา หลวงตาก็จะสงเคราะห์ให้ไดยไม่อิดออด ไม่ต้องมีดอกไม้ธูปเทียน เงินกำนัน หรือใส่ซองให้ท่าน แต่ต้องไปซื้อเหล้าขาวหนึ่งเป็กมาด้วยทุกครั้ง วิธีรักษาของท่านก็ง่าย ๆ พิสดารไม่เหมือนใครเขา แค่เอื้อมมือไปข้างหลังหยิบใบไม้ใบอะไรก็ได้ โดยบริกรรมะพระเวทย์ไปและกลั้นใจหยิบและดึงใบไม้ออกมาใส่ปากเคี้ยวไปบริกรรมพระเวทย์ไป แล้วจึงเอาใบไม้ที่เคี้ยวใส่ลงไปในเหล้าโรง และให้ผู้ถูกงูกัดดื่มหล้าโรงผสมใบไม้นั้น (แพทย์สมัยใหม่ห้ามดื่มเหล้าเด็ดขาด เพราะพิษงูจะแล่นขึ้นสู่หัวใจได้เร็วขึ้นและจะตายได้) ส่วนที่เป็นกากใบไม้ก็นำมาปิดที่ปากแผล หากเป็นงูพิษใบไม้จะดูดพิษงูออกมา สังเกตุได้จากบริเวณที่ถูกกัดจะมีอาการเต้นตุบ ๆ ของปากแผลเหมือนมีอะไรดูดเป็นจังหวะ ทิ้งไว้สักพักปากแผลที่บวมแดงก็จะค่อย ๆ หายบวม เมื่อแผลหยุดเต้น พิษก็หมดพอดี เอากากใบไม้ไปทิ้งได้ แผลก็จะหายเร็วไม่เป็นแผลเป็น ไม่พุพอง ถ้าไปหาหมอฉีดเซรุ่ม แผลอาจจะกรายเน่าเพราะรักษาพิษงูหายแต่พิษที่อยู่ที่ปากแผลไม่หาย และจะต้องใช้เวลาหลายวัน แต่ของหลวงตาเผือดเมื่อเอากากใบไม้ทิ้งก็กลับบ้านได้ ไม่ต้องมาหาอีก ใช้เวลารักษาแค่ 10-15 นาทีเท่านั้น ซึ่งน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง เคยถามหลวงตาเผือดว่าเคยรักษาใครแล้วตายบ้างไหม ท่านก็บอกว่าถ้ารักษาแล้วมีคนตายเมื่อไรก็จะเลิกรักษาให้ใครต่อใครอีก และจะคืนวิชาให้ครูให้หมด เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าจะมีใครทำได้อีก
น้ำลายวิเศษ
ช่วงก่อนเข้าเข้าหน้าฝนอากาศจะร้อนอบอ้าวมาก คนก็จะมีเหงื่อออกมาก มีการหมักหมมมาก ช่วงนี้หลวงตาเผือดจะเหนื่อยมากเพราะจะมีคนมาให้รักษางูสวัด เริมกับหลวงตามาก บางคนไม่คุ้นเคยเพราะได้รับทราบโดยการบอกต่อ ๆ กันมา ก็จะมาหาหลวงตาและให้หลวงตาช่วยดูให้ว่าเป็นงูสวัด เจ็บปวดมากและกำลังลามขึ้นเรื่อยๆ หลวงตาก็จะดูให้และบอกว่าใช้เป็นงูสวัดจริง ๆ บางคนแพ้ก็จะอักเสบ ปวดแสบปวดร้อน ถ้าไม่แพ้ก็ไม่ปวด แล้วท่านก็จะเฉย ๆ พูดคุยถึงเรื่องอื่น ๆ โดยไม่รักษาให้ จนคนป่วยออกปากให้ช่วยรักษา ท่านถึงจะรักษาให้ ผู้เขียนเคยถามหลวงตาในเรื่องนี้ หลวงตาเผือดท่านก็ว่า ก็เขาไม่ได้ให้ช่วยรักษา จะไป ส เรื่องของเขาทำไม ครูบาอาจารย์ท่านห้ามไว้ ถือว่าไม่มีเวรไม่มีกรรมแก่กัน
วิธีรักษางูสวัดของหลวงตาเผือดก็ง่าย ๆ ท่านจะเสกน้ำมนต์ (ไม่ใช่คาถาชินบัญชรนะครับ) แล้วพ่นไปที่บริเวณที่เป็นงูสวัด หากผู้หญิงที่เป็นในบริเวณร่มผ้าก็ไม่ต้องเปิดแผลดู หลวงตาจะพ่นทับที่ผ้าเลย หากเป็นไม่มากพ่นครั้งเดียวก็หาย ถ้าเป็นมาก ไม่เกิน 3 วัน ถ้าบ้านอยู่ไกลไปมาไม่สะดวก หลวงตาจะให้น้ำมนต์เอากลับไปทาเอง มีอยู่ครั้งหนึ่งมีนายทหารเรืองและแพทย์เจ้าของไข้มาด้วย เพราะอยากทราบว่าหลวงตาทำอย่างไรคนไข้ของท่านจึงหายได้เร็วนัก (หมอปัจจุบันต้องใช้เวลารักษาหลายวัน) หลวงตาเผือดก็ยิ้ม ๆ ไม่ว่าอะไร ผู้เขียนจึงแกล้งพูดเล่น ๆ ไปว่า สงสัยน้ำลายของหลวงตาเผือดเป็นน้ำลายวิเศษ มีเซรุ่มรักษางูสวัดได้ ทุกคนเลยหัวเราะกันใหญ่
ปลัดขลิกเมตตาค้าขาย
ยามว่างหลวงตาเผือดจะเหลาปลัดขลิกที่ทำจากไม้เขยตายที่ท่านปลูกไว้ข้าง ๆ กุฎิ ท่านจะเหลาจนเป็นเอกลักษณ์ของท่านเหมือนกันทุกตัว และลงอัขระยันต์ครบสมบูรณ์ ยกเว้นบางตัวที่ทำไว้เฉพาะกิจก็มีบ้างแต่น้อย ส่วนใหญ่จะใส่ตะกรุดเอาไว้ด้วย เวลาเขย่าจะเกิดเสียงดัง หากมีตะกรุดจะเป็นมหาอุดด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมียันต์ที่ใช้ในทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาด กันอาถรรพณ์ กันสัตว์ร้ายกัด กันงู ปลัดขลิกของหลวงตาเผือดใช้ได้สารพัดทั้งเมตตา ค้าขาย โชคลาภ แคล้วคลาด คงกระพัน หมาอุด กันสัตว์ร้ายและสามารถรักษางูสวัดในระยะแรก ๆ ได้อีกด้วย หลวงตาเผือดจะทำเอง ลงอักขระเอง เสกเอง คาถาหลาย ๆ บทใช้เฉพาะร่วมกับอักขระที่ลง และมีอานุภาพต่างกัน ปลัดขลิกของหลวงตาเผือดจึงใช้ได้หลายอย่าง (ไม่ใช่คาถาหรือยันต์ไม่กี่ตัวก็ใช้ได้ทุกอย่าง) หลวงตาเผือดจะทำเองจนแน่ใจแล้วจึงมอบให้ศิษย์ ต่อไป หากมีคนแหลาปลัดขลิกมาถวายท่าน ท่านจะพยายามเหลาจนเหมือนของที่ท่านทำให้มากที่สุด ต้องระวังเพราะปลัดขลิกของหลวงตาเผือดมีการทำปลอมและลอกเลียนแบบตั้งแต่สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่แล้ว ต้องดูให้ละเอียดโดยเฉพาะลายมือ จำให้แม่น ๆ เดี๋ยวจะหาว่าไม่บอก
เบี้ยแก้อาถรรพ์
คนที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงตาเผือดจะรู้ว่าต้องมีปลัดขลิกและเบี้ยแก้ของหลวงตาติดตัวกันทุกคน เพราะเป็นสุดยอดเครื่องรางที่หาใครที่ทำได้อย่างท่านน้อยเหลือเกิน มีลูกศิษย์บางคนคุยกันบนกุฎิว่าหลวงพ่อองค์นั้นเก่ง องค์นี้เก่ง หลวงตาเผือดก็จะถามว่าเก่งอย่างไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง ทำเองหรือเปล่า ลงอักขระอะไร ตรงกับจุดประสงค์ที่จะให้เป็นหรือเปล่า ได้เรียนมาจริงหรือเปล่า หรือแค่ลอก ๆ ยันต์เขามา ปลุกเสกเป็นไหม ลูกศิษย์ที่ถูกถามก็จะหน้าจืดกันเป็นแถว ๆ เพราะพระสมัยนี้ไม่ได้ทำเอง ถ้ามีคนทำเป็นทำให้เสกให้ก็ยังค่อยยังชั่ว แต่ส่วนใหญ่มีคนสั่งทำตามใบสั่งแล้วก็นำไปเข้าพิธีปลุกเสกรวม หรืออาจจะไม่ได้เสกเลย เพราะไม่ใช่ของง่าย ๆ ที่จะเรียนรู้วิชาต่าง ๆ และสามารถเรียนวิชานั้น ๆ สำเร็จ ส่วนใหญ่จะเก่งในการโฆษณาชวนเชื่อซะมากกว่า
เบี้ยแก้ ของหลวงตาเผือด นราสโภ วัดมะกอก จะต้องทำตามขั้นตอน ตั้งแต่เสกเบี้ย เสกปรอท เสกชันนางโรงที่ใช้อุดเบี้ยแก้ คาถากรอกปรอทใส่เบี้ย คาถาอุดชันนางโรงลงยันต์แปดทิศที่ตะกั่ว อีกด้านลงยันต์กุญแจทอง แล้วจึงนำแผ่นตะกั่วลงยันต์มาหุ้มเบี้ยแก้ที่อุดชันนางโรงไว้แล้ว ทุบให้ตะกั่วมนเป็นรูปตามเบี้ยแนบติดกับตัวเบี้ย เบี้ยแก้ของหลวงตาเผือดจึงมีน้ำหนักเบาเพราะตะกั่วที่ใช้หุ้มบางมาก แล้วจึงถึกเชือกหุ้มเบี้ยแก้ ยางตัวจะใส่ตะกรุดไว้ที่ท้องเบี้ยเพื่อใช้สอดเชือกไว้คาดเอวได้ ตะกรุดจะลงคาถาแคล้วคลาด กันปืน คงกระพันชาตรีไว้สำหรับผู้ชาย ส่วนของผู้หญิงจะไม่มีตะกรุด
เคยมีคนมาคุยกับผู้เขียนที่ร้านว่าได้เคยเอาเบี้ยแก้ของหลวงตาเผือดไปลองยิง และยิงไม่ออก ก็เกิดความสงสัยเลยมาสอบถามพร้อมกับโชว์เบี้ยแก้ของหลวงตาเผือดที่ใช้ติดตัวให้ดู ผู้เขียนจึงบอกเขาไปว่าที่เอาไปยิงไม่ใช่ลูกนี้ใช่ไหม เขาบอกว่ารู้ได้อย่างไร ผู้เขียนจึงบอกเขาไปว่า ถ้าเอาลูกนี้ไปยิงก็จะออก แต่อาจจะไม่โดน เพราะเบี้ยตัวนี้ไม่ได้ใส่ตะกรุดมหาอุดไว้ เขาจึงบอกว่าใช่และได้ขอเช่าเบี้ยแก้ที่ใส่ตะกรุดไปด้วย