ไอ้งั่งโบราณหัวโล้นตาทองแดง “ขุนศึก”
หลังจากที่ได้ไอ้งั่งโบราณตาแดงมาจากสงขลา ในวันที่ 15 ก.พ. 63 กลับมาคืนแรกสิ่งที่ผมทำคือเอาไอ้งั่งหัวโล้นตาแดงและไอ้งั่งหัวเกลียวตาแดงมาเช็ดทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อโรค หลังจากนั้นจึงเลือกเอาไอ้งั่งหัวโล้นตาแดงมาผูกเชือกแขวนเอวแบบเดี่ยวๆในคืนนั้นเลยแล้วก็นอนหลับตามปกติ วันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ภารกิจของผมคือต้องไปส่งลูกสาวเรียนบัลเลต์ เรียนเสร็จแล้วผมก็จะไปหาคุณพ่อคุณแม่ โดยผมเอาไอ้งั่งโบราณตาแดงคู่นี้ไปให้คุณพ่อและคุณแม่ดู เค้าสนใจกันมากเพราะรู้ว่าผมบินไปหาดใหญ่เพื่อไปรับตัวมาเมื่อวันเสาร์ โดยในครั้งนี้ผมรีบกลับบ้านเพราะต้องพาลูกสาวไปหาหมอเนื่องจากมีอาการปวดท้อง ปกติจะกลับช่วงค่ำๆวันนี้กลับช่วงเย็นเพื่อแวะไปโรงพยาบาลก่อน ช่วงที่ขับรถใกล้ถึงโรงพยาบาลภรรยาผมเล่าให้ฟังว่าเมื่อคืน (คืนวันที่ 15 ก.พ. 63) หลังจากที่ผมกลับถึงบ้านและผมเข้านอน ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 5 ทุ่ม แฟนผมเค้าพลิกตัวมานอนกอดผมซึ่งเป็นปกติที่ทำทุกวันอยู่แล้ว ปรากฏว่ามือของภรรยาผมมาโดนไอ้งั่งหัวโล้นตาแดงที่ผมคาดเอวอยู่ ทันที่ที่สัมผัสโดนเค้าเห็นภาพไอ้งั่งหัวโล้นตาแดงตัวนี้แว่บขึ้นหน้ามาเลยไม่มีอาการมึนหัวหรืออาการอย่างอื่นนะครับ แฟนผมเค้าจำภาพได้จากตอนที่ผมส่งรูปให้ดูในไลน์หลังจากรับงั่งมาจากลุงจิตแล้ว ซึ่งเหตุการณ์นี้เค้ารู้สึกว่าแปลกดีแต่ไม่ได้รู้สึกกลัวหรืออะไรมากจึงไม่ได้เล่าให้ผมฟังในคืนนั้น ซึ่งในขณะที่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังบนรถ (เวลาประมาณ 17.00 น.) ภาพไอ้งั่งหัวโล้นตาแดงตัวนี้ก็แว่บเข้ามาในความคิดของแฟนผมอีกแล้ว ครั้งนี้เธอรีบบอกผมเลย ผมเลยได้แต่หัวเราะและบอกว่าแค่บังเอิญ 555
ผมได้ยินแฟนผมเล่าแล้ว…ไม่รู้สึกแปลกใจครับ เพราะว่าผมสัมผัสประสบการณ์ตรงจากการที่ได้จับตัวจริงครั้งแรกมาแล้ว แต่ไม่คิดว่าแฟนผมจะรู้สึกหรือสัมผัสได้ ครั้งแรกที่เค้าสัมผัสเรื่องนี้ได้คือ “ไอ้งั่งหัวโล้นตาแดงโงกุน” จับครั้งแรกแล้วขนลุกซู่ อ่านเรื่อง “ไอ้งั่งหัวโล้นตาแดงโงกุน” โดยปกแล้วแฟนผมจะไม่ได้จับหรือสัมผัสโดนงั่งของผม ส่วนใหญ่ก็จะแค่ได้ยินได้เห็นเวลาที่ผมเล่าให้ฟังหรือหยิบให้ดู ครั้งนี้บังเอิญมือไปโดนเลยรู้สึกสัมผัสได้ ผมเลยจะลองหาวิธีทดสอบอยู่ครับว่าจะพิสูจน์เรื่องนี้อย่างไร
ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังครับ…ภรรยาผมเคยสัมผัสหรือรับรู้ถึงความขลังของไอ้งั่งมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยที่เธอเล่าให้ผมฟังตลอด ที่ผมไม่เคยเล่าหรือแชร์ในบทความเพราะต้องการให้มั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากความมโน (คิดไปเอง) หรือความบังเอิญ ซึ่งผมบอกเลยครับว่าประสบการณ์ที่เจอนั้นสำหรับผมถือว่าเป็นทีเด็ด เพราะผมใช้เวลาในการสะสมและบูชาไอ้งั่งตาแดง ตาโปน ไอ้เป๋อ อีเป๋อ มานานกว่า 5 ปี ถึงจะได้เจอเรื่องนี้ และพอเจอแล้วก็เจออีกหลายครั้งซึ่งเป็นการยืนยันความเชื่อในเรื่องนี้…ว่ามีจริง ลำพังประสบการณ์ต่างๆที่ผมเจอ ผมรู้และมั่นใจ 100% ว่าไอ้งั่ง อีเป๋อ เป็นของดี ซึ่งเกิดจากความชอบและประสบการณ์ต่างๆที่ดีที่ผมเจอด้วยตัวเอง แต่นี่เป็นประสบการณ์จากภรรยาผมซึ่งถือว่าเป็นคนใกล้ชิดที่สุดในชีวิต ดังนั้นข้อมูลจึงเชื่อถือได้แน่นอน และก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะโกหกผม (ขอข้ามส่วนนี้ไปก่อน เอาไว้จะเรียบเรียงเป็นบทความพิเศษให้อ่านกันครับ)
ผมได้ทำการตั้งชื่อไอ้งั่งโบราณตาแดงคู่นี้ โดยให้ชื่อไอ้งั่งหัวโล้นตาแดงว่า “ขุนศึก” ดูบู๊ดีครับ ส่วนไอ้งั่งหัวเกลียวตาแดงผมให้ชื่อว่า “ราชัน” ซึ่งชื่อจะมาในธีมเดียวกับ “จักรพรรดิ” เนื่องจากเป็นไอ้งั่งพิมพ์ทรงเครื่อง มีเครื่องประดับร่างกายคือสร้อยสังวาล กำไลแขน กำไลข้อมือ กำไลข้อเท้า ดูไม่เหมือนสามัญชนธรรมดาเลยตั้งชื่อให้ดูสูงศักดิ์และอลังการหน่อย ซึ่งผมชอบชื่อในธีมนี้ครับ ถ้าหากได้งั่งแบบนี้มาเพิ่มผมเตรียมชื่อเอาไว้รอแล้วครับ มาปุ๊บได้ชื่อปั๊บไม่ต้องรอให้เสียเวลา
ประสบการณ์ในการใช้งาน
วันจันทร์ (17 ก.พ. 63)ผมพก“ขุนศึก”มาทำงานโดยผูกเอวแบบเดี่ยวๆ การทำงานก็เป็นปกติดีครับ
วันอังคาร (18 ก.พ. 63) วันอังคารผมพกขุนศึกมาแบบแขวนเอวและเอาจักรพรรดิใส่ห่อผ้ามาทำงานด้วยไม่มีอะไรพิเศษ
วันพุธ (19 ก.พ. 63) วันพุธผมพกขุนศึกและราชันมาทำงานเหมือนเมื่อวาน โดยวันนี้ตั้งใจว่ากลับบ้านแล้วจะเอา “ขุนศึกและราชัน” มาถ่ายรูปมุมต่างๆ เพื่อเป็นภาพบันทึกเอาไว้ดูว่าตอนได้มาช่วงแรกๆสภาพเป็นอย่างไร เพราะหลังจากที่ผมใช้งานงั่งไปนานๆผิวอาจมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ผิวเปิด หรือสึกมากขึ้น พอกลับถึงบ้านหลังจากกินข้าวและทำภารกิจต่างๆเสร็จแล้ว ช่วงก่อนนอนผมจึงเอางั่งออกมาเพื่อเตรียมถ่ายรูปโดยผมเริ่มจากไอ้งั่งหัวโล้นตาแดง “ขุนศึก” ผมแกะเชือกที่มัดตัวขุนศึกออกอย่างช้าๆและระมัดระวัง ไม่ต้องการให้เกิดรอยขีดข่วนและสึกหรอ เสร็จแล้วจึงจับตัวงั่งมาทดลองถ่ายรูปเพื่อทดลองแสง มุมและระยะต่างๆ
รูปที่ผมถ่ายผมถ่ายโดยใช้กล้องมือถือ iPhoneX ปรับโหมด PHOTO (ปกติ) เลือกระยะการซูมที่ 2X ปิดแฟลซ ใช้มือกดถ่ายโดยไม่ใช้ขาตั้ง ซึ่งพอหยิบขุนศึกมาถ่ายนั้นผมก็เริ่มถ่ายภาพมุมต่างๆโดยเริ่มจากภาพหน้าตรง ผมถ่ายมุมละ 2-3 รูป เผื่อไว้เลือกโดยจะเลือกภาพที่ชัดและองค์ประกอบดีที่สุดมาใช้งาน ในระหว่างถ่ายรูปหน้าจอมือถือผมมีอาการเหมือนคลื่นเข้ามากวน ทำให้หน้าจอวูบๆเป็นระยะๆซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน ปกติถ้าถ่ายภาพโดยใช้กล้องมือถือประกบกับเลนส์กล้องส่องพระ หากผมเลือกระยะซูมเกิน 1.5X ประกบกับกล้องส่งพระที่ขยาย 10X ขนาดของภาพจะเกินกำลังของโทรศัพท์ซึ่งจะทำให้โปรแกรมถ่ายภาพนั้นดับ (CAMERA แอพที่มาพร้อมเครื่องไอโฟน) ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ผมไม่แปลกใจเพราะเป็นปกติที่เจอประจำ แต่วันนี้ผมเลือกระยะขยาย 2X โดยถ่ายด้วยแอพ CAMERA โดยไม่ประกบกับกล้องส่องพระ ซึ่งผลปรากฏว่าหน้าจอโทรศัพท์ผมสั่นเหมือนมีคลื่นรบกวน โดยอาการจะมาเป็นพักๆ โดยที่ผมรู้สึกแปลกเพราะไม่เคยเจอ แต่ด้วยความรีบในการถ่ายภาพเลยไม่ได้สนใจในเรื่องนี้
ผมตั้งใจในการเลือกมุมต่างๆ การจับพระให้มั่นคงไม่ตกจากมือ การเลือกมุมและแสงให้ได้ตามต้องการ โดยตลอดระยะเวลาที่ถ่ายรูป “ขุนศึก” หน้าจะโทรศัพท์ผมจะวูบวาบเป็นระยะๆ ผมใช้เวลาประมาณ 8 นาที จึงถ่ายรูปขุนศึกเสร็จ ตอนแรกผมตั้งใจจะปิดไฟนอนเลยแต่คิดได้ว่าไหนๆก็เปิดไฟจัด Prop แล้ว (พร็อพ – องค์ประกอบในการถ่ายรูป) ผมจึงเปิดกล่องพระเพื่อหยิบ “ราชัน” “โงกุน” และ “พ่อใหญ่” ออกมาถ่ายรูปด้วย จะได้ถ่ายครั้งเดียวจบ ผมถ่ายรูปอยู่ประมาณ 5 นาทีจึงถ่ายเสร็จ ซึ่งระหว่างที่ผมถ่ายภาพราชันกล้องมือถือผมใช้งานถ่ายภาพได้ปกติ ไม่มีอาการคลื่นรบกวนหรือหน้าจอวูบวาบแต่อย่างใด พอเป็นแบบนี้ผมจึงเริ่มรู้สึกว่าอาการของมือถือผมมันไม่ปกติแล้ว ด้วยความอยากรู้และสงสัยผมจึงพิสูจน์ด้วยการหยิบขุนศึกมาถ่ายรูปอีกครั้ง ซึ่งชัตเตอร์แรกที่กดถ่ายรุปขุนศึกครั้งที่สอง ตอนเวลา 21.36 น. นั้นห่างจากชัตเตอร์แรกที่ถ่ายรูปขุนศึก 13 นาที (รอบแรกเริ่มถ่ายเวลา 21.23 น.) ดูเวลาจากภาพประกอบได้ครับ
จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม…อาการวูบวาบที่จอมือถือผมกลับมาอีกครั้ง ผมใช้เวลาในการถ่ายรอบนี้ประมาณ 2 นาที ถ่ายได้ทั้งหมด 13 รูป อาการภาพหน้าจอสั่นและวูบมาเป็นระยะๆ ซึ่งผมแปลกใจมากครับเพราะไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ และอาการวูบวาบของหน้าจอมือถือผมจะเป็นตอนที่ถ่ายหน้าตรงทั้งถ่ายใกล้และถ่ายไกล ถึงตอนนี้ผมยังไม่รีบสรุปว่าเกิดอะไรขึ้นกับมือถือและการถ่ายรูปงั่งของผมในครั้งนี้ ผมลองพิสูจน์อีกครั้งโดยเอาโงกุนและพ่อใหญ่มาถ่ายรูปต่อทันที ซึ่งเป็นเรื่องที่ประหลาดมากครับที่ในการถ่ายรูปโงกุนและพ่อใหญ่ผมใช้เวลาถ่ายประมาณ 5 นาที ได้รูปประมาณ 50 รูป มือถือของผมนั้นถ่ายรูปได้ตามปกติ ไม่มีอาการหน้าจอสั่นหรืวูบวาบเลยแม้แต่น้อย
ถึงตรงนี้ผมได้คำตอบสำหรับตัวผมเองแล้วว่าสาเหตุเกิดจากอะไร คนอื่นจะคิดเหมือนผมหรือไม่นั้นไม่สำคัญแล้วครับเพราะเรื่องบางเรื่องต้องเจอด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะรู้ ผมบอกไว้ก่อนว่าประวัติที่ลุงจิตเล่าให้ผมฟังนั้นไม่ธรรมดา เพียงแต่ผมจะขอทดลองใช้ดูก่อนแล้วดูว่าผมจะเจออะไรบ้าง จะได้สรุปได้ว่าไอ้งั่งหัวโล้นตาแดงขุนศึกนั้นมีดีอย่างไร นี่แค่ช่วงสัปดาห์แรกนะครับที่ผมใช้งานมาดูกันต่อครับว่าจะเจอประสบการณ์อะไรอีก