ไอ้งั่งตาแดงพิมพ์เขมรโบราณ หัวโล้นและหัวเกลียว เนื้อสำริดโบราณ

ภารกิจพิชิตงั่ง 2

ไอ้งั่งตาแดงพิมพ์เขมรโบราณ หัวโล้นและหัวเกลียว เนื้อสำริดโบราณ

เริ่มเดินทาง

วันที่ 15.02.63 (เวลา 16.10 น.)
ตอนนี้เวลาบนโทรศัพท์มือถือบอกว่า 16.10 น. ผมนั่งพิมพ์ข้อความชุดนี้บนเครื่องบินหลังจากเครื่อง Take off และตั้งลำแล้ว ความสูงประมาณ 37,000 ฟุตเหนือน้ำทะเล (กัปตันบอก)

ความรู้สึกตอนนี้คือตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะเป็นการเดินทางมารับตัวไอ้งั่งตาแดงโบราณ ชุดที่ผมติดตามมาหลายปี ก่อนออกได้โทรคอนเฟิร์มกับพี่จิต (เจ้าของพระ) ว่าเจอกันตอน 17.30 น. ที่สนามบินหาดใหญ่ กลัวพี่เค้าลืมครับ 555

หากจะพูดถึงไอ้งั่งตาแดงคู่นี้ คนที่ติดต่อเสนอผมมาคนแรกเลยคือหลานของพี่จิตครับ ส่งรูปและวีดีโอมาให้ผมดู หลังจากนั้นก็ให้เบอร์ติดต่อผมมา ผมโทรคุยตามจีบอยู่หลายรอบ เป็นเวลาประมาณ 3 ปีกว่าๆ ซึ่งทุกครั้งพี่จิตใจแข็งมาก ไม่ยอมปล่อยให้ผม เนื่องจากราคายังไม่เป็นที่พอใจ ผมโทรหาพี่จิตปีละประมาณ 2-3 ครั้ง เพื่ออัพเดทว่าพระยังอยู่ไหม และดูเชิงว่าแกยอมใจอ่อนรึยัง ซึ่งแต่ละครั้งก็จะได้คำตอบที่ว่า “เอาไว้ก่อน” หรือไม่ก็ “ถ้าราคานี้ผมปล่อยไปนานแล้ว” ในการคุยแต่ละครั้งผมจะได้รับคำตอบแบบนี้เสมอ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ผมท้อแท้หรือหมดหวังแต่อย่างใด เนื่องจากไอ้งั่งตาแดงคู่นี้ เป็นพิมพ์ที่ผมเห็นผ่านตาไม่เกิน 2 ครั้ง (ครั้งแรกก็คือคู่นี้) ส่วนครั้งที่ 2 ผมเคยเห็นจากการที่มีคนเสนอขายให้ผม

เนื่องจากไอ้งั่งตาแดงคู่นี้มี 2 พิมพ์ คือแบบหัวเกลียวและหัวโล้น ผมเห็นแบบหัวโล้น 2 ครั้ง และครั้งที่ 2 ผมปิดดีลไม่ได้ครับ (ยอมรับว่าที่ผ่านตามาครั้งที่ 2 สภาพไม่สมบูรณ์เท่าองค์นี้) ส่วนพิมพ์หัวเกลียว ครั้งที่ 2 ที่ผมเห็น ผมตามมาจนได้ซึ่งนั่นก็คือ “จักรพรรดิ”

ผมได้รับอิทธิพลจากไอ้งั่งตาแดงคู่นี้เยอะมากครับ ถึงขนาดตั้งปณิธานไว้ในใจเลยว่า ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ผมจะตามไอ้งั่งตาแดงคู่นี้มาให้ได้ เนื่องจากเป็นพิมพ์โบราณที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และก่อนที่จะมีคนเสนอไอ้งั่งตาแดงคู่นี้มาให้ผม ผมเคยอ่านเจอบทความในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง ที่มีคนเขียนเล่าประสบการณ์ไว้ว่าเคยเจอไอ้งั่งหัวโล้นตาแดง เป็นของเก่า สวยและดูขลังมาก เป็นของเศรษฐีคนนึงเก็บเอาไว้ในตู้เซฟ ซึ่งเป็นพิมพ์หัวโล้นตาทองแดง นั่งเอามือลอดใต้หว่างขามากุมไข่ ในบทความนั้นไม่ได้มีการลงรูปเอาไว้ ซึ่งผมอ่านแล้วได้แต่จินตนาการตามว่า หน้าตาจะเป็นยังไง เพราะเค้าเขียนบรรยายได้น่าสนใจ ในบทความนั้นไม่ได้บอกประสบการณ์ว่าใช้แล้วเป็นยังไง เพราะเป็นการแชร์ข้อมูลที่เกี่ยวกับการเคยเห็นงั่งเก่าของแท้ นั่นจึงเป็นความฝันของผม และหลังจากที่ได้เห็นไอ้งั่งตาแดงคู่นี้แล้ว แว๊บแรกผมนึกถึงบทความนั้นทันทีเลยครับ ซึ่งจะเป็นแบบเดียวกันหรือไม่นั้นไม่สำคัญครับ เพราะผมคิดว่านี่แหล่ะไอ้งั่งหัวโล้นในจินตนาการแบบที่ผมตามหา ผมมีโอกาสได้คุยกับพี่จิตโดยคนั้งล่าสุดเราคุยกันเมื่อเดือนมีนาคมปี 2562 ผมให้พี่เค้าส่งรูปอัพเดทมาให้ดูว่าตอนนี้สภาพพระเป็นยังไงบ้าง พี่เค้าก็ส่งมาให้ ซึ่งรูปที่ถ่ายบนฉากหลังสีแดงคือรูปบ่าสุดที่ผมได้เห็น

ผ่านมาเกือบปี เมื่อประมาณวันจันทร์ที่ 10 ก.พ. 63 ผมนึกถึงไอ้งั่งตาแดงคู่นี่ขึ้นมา เลยทำการโทรหาพี่จิต บอกว่าพระยังอยู่ดีไหม ผมอยากได้จริงๆ ราคาที่แกบอกไว้ผมคงไม่ไหว แต่ผมคิดว่าผมไหวที่ xxxxx บาท บอกไปตรงๆ ซึ่งแกตอบกลับมาว่า ถ้าตกลงที่ราคานี้จะส่งของกันยังไง เข้าทางผมเลยครับ ผมรีบบอกเลยว่าผมขอไปดูด้วยตาของตัวเอง ซึ่งผมนัดวันเสาร์ที่จะถึงเลย เพราะว่าเป็นคิววันหยุดของผม สรุปกันว่านัดเจอที่สนามบินหาดใหญ่ ผมจะบินไปหาพี่จิตถึงที่เลย ให้มันรู้กันไปเลยครับ ของที่อยากได้ อยู่ไกลแค่ไหนก็ไปหาได้ครับ ซึ่งงานนี้ต้องขอบคุณภรรยาผมที่ไม่ขัดใจและอนุญาตให้ผมบินไปหาดใหญ่ ที่สำคัญคือแฟนผมเค้ารู้ราคาว่าพี่จิตเคยเสนอมาเท่าไหร่ ผมโชคดีมากที่เค้าเชื่อใจและให้ผมได้ทำในสิ่งมี่ผมรัก โดยพูดกับผมด้วยประโยคนั้นๆว่า ตัดสินใจเอาแน่ใช่ไหม ผมก็พยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “ใช่” เป็นอันเข้าใจกัน ภรรยาผมถามว่าถ้าไปแล้วจบไม่ได้ จะทำยังไง ผมตอบว่า ถ้าไปแล้วจบไม่ได้ ผมก็แค่เสียค่าเครื่องบิน เสียเวลาครึ่งวัน อย่างน้อยก็ได้ไปสัมผัสงั่งพิมพ์ในดวงใจ ได้เจอหน้าเจ้าของพระ แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว ผมตามมา 3 ปีกว่า โอกาสในครั้งนี้ต้องไม่พลาดครับ

จากนั้นการจองเที่ยวบินและการเคลียร์ตารางต่างๆจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไฟล์บินจองเรียบร้อย นัดพี่จิตเรียบร้อย ผมเตรียมตัวทุกอย่างมาตลอดระยะเวลา 3 ปี…เพื่อวันนี้ อะไรที่คิดว่าตอนนั้นยังไม่พร้อม วันนี้พร้อมทุกอย่างครับ เหลือแค่ว่าจะจบกันได้หรือไม่ ที่บอกอย่างนี้เพราะราคาที่คุยกันนั้นเป็นราคาคร่าวๆ ยังไม่ได้สรุปเนื่องจากผมอยากเห็นและสัมผัสไอ้งั่งตาแดงคู่นี้ก่อน บอกได้เลยครับว่าผมไม่เคยซื้อพระงั่งแพงขนาดนี้มาก่อนและไม่คิดด้วยว่าจะกล้าซื้อ ตอนที่ตัดสินใจนั้นมีคำพูดประโยคนึงลอยเข้ามาในหัวของผม นั้นก็คือ #ถ้าไม่ใช่เราแล้วจะเป็นใค และผมก็คิดว่าหากไม่ตัดสินใจแล้วพี่เค้าปล่อยคนอื่นไปก่อน ผมจะไปตามมาได้ไหม ซึ่งอันนี้ต้องบอกเลยว่ายากครับ นั่นจึงเป็นเหตุผลในการตัดสินใจจองผม ซึ่งส่งผลให้ผมต้องบินมาหาดใหญ่ด้วยเที่ยวบินนี้

มีเรื่องบังเอิญอยู่หนึ่งเรื่อง นั่นก็คือหลังจากที่ผมนัดกับพี่จิตวันที่ 11 ก.พ. 63 ในใจผมนึกถึง “อีจุก” อีเป๋อทองเหลืองโบราณที่เจ้าของเค้าเอามาขายฝากผมเอาไว้ ที่นึกถึงเพราะว่า 2 เดือนก่อนเจ้าของเค้าโทรมาหาบอกว่ากำลังเก็บเงินเพื่อจะมารับตัวกลับ (เป็นของพ่อเค้าให้ไว้ก่อนเสีย เค้าผูกพันมากและเสียดาย แต่ด้วยที่จำเป็นต้องใช้เงินเลยเอามาปล่อยให้ผม) หลังจากโทรมาแล้วก็หายไปเลยผมเลยนึกขึ้นว่า ถ้ามารับตัวช่วงนี้ได้จะดีมากเพราะว่าค่าตัวของไอ้งั่งโบรารณตาแดงคู่ที่ผมจะไปรับนั้น ถือว่าเอาเรื่องพอสมควร และก็แปลกมากครับเพราะวันรุ่งขึ้น (วันที่ 12 ก.พ. 63) มีโทรศัพท์เบแร์แปลกโทรมาหาผมช่วงเช้า พอรับสายสรุปว่าเป็นภรรยาของเจ้าของอีจุก โทรมาบอกผมว่าต้องการจะซื้ออีจุกกลับเพื่อเซอร์ไพรส์แฟนในวันวาเลนไทน์ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับว่าวันรุ่งขึ้น (วันที่ 13 ก.พ. 63) เธอรีบโอนเงินให้ผมและผมรีบส่งพระให้เพราะต้องการให้ของถึงก่อนวันวาเลนไทน์ ซึ่งทุกอย่างทันเวลา

ทันเวลา…ที่อีจุกไปถึงในช่วงค่ำของคืนวันที่ 13 ก.พ. 63
ทันเวลา…ที่ผมได้เงินก่อนที่จะไปรับตัวไอ้งั่งตาแดงโบราณคู่นี้ ซึ่งครั้งนี้ผมได้นึกอธิษฐานขอไอ้งั่งตาแดงโบราณคู่นี้เอาไว้ครับ ซึ่งได้ผลจริงๆ

ตอนนี้เวลา 16.53 น. เหลือเวลาอีกประมาณ 15 นาทีเครื่องจะลงจอด ผมรู้สึกถึงการลดระดับความสูงของเครื่องเนื่องจากหูอื้อเล็กน้อย เครื่องสั่นนิดหน่อยเพราะเปลี่ยนระดับความสูง กำลังจะลงจอด ผมขอจบแค่นี้ก่อนครับ

ติดตามได้ครับว่าวันนี้จะจบยังไง
มีอะไรจะอัพเดทให้ทราบครับ

•-•-•-•-•-•-•-•-•-•-•-•-•-•-•-•-•-•-•-•-•

จบภารกิจ

วันที่ 15.02.63 (เวลา 20.00 น.)
ผมพิมพ์เรื่องนี้ตอนอยู่บนเครื่องขาบินกลับ เวลา 20.00 น. ที่ระดับความสูง 36,000 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล (11 ก.ม.)

หลังจากเครื่องลงจอด ผมโทรหาพี่จิตทันที แกบอกว่ามาถึงแล้วเช่นกัน เรานัดเจอกันที่ประตูทางออกหมายเลข 8 ผมเดินออกมารอและชวนพี่จิตไปนั่งคุยกันในร้านอาหารในสนามบิน ซึ่งจากนี้ไปขอเรียกว่าลุงจิตแทนนะครับ เพราะดูจากอายุแล้วน่าจะประมาณหกสิบปลายๆ หลังจากเข้าไปนั่งในร้านอาหารแล้วผมสั่งโค๊กมากินแก้กระหายแล้วก็นั่งคุยกัน ลุงจิตวางถุงลงแล้วก็บอกว่าของอยู่ในนี้ (ถุงดูน่ารักมาก 555) ผมจึงค่อยๆหยิบถุงขึ้นมาแล้วเปิดซิปออกดู ความคาดหวังของผมคืออยากเห็นขนาดและเนื้อของไอ้งั่งตาแดงพิมพ์หัวโล้นว่าจะเหมือนหรือแตกต่างจากในรูปแค่ไหน

ผมหยิบไอ้งั่งหัวโล้นตาแดงออกมาก่อน เพียงแค่ผมสัมผัส #ไอ้งั่งหัวโล้นตาแดง ผมเกิดอาการกระอักกระอ่วน (คลื่นไส้) ทันที โดยระหว่างนั้นผมก็คุยกับลุงจิตเรื่องประวัติและที่มาของไอ้งั่งตาแดงคู่นี้ จับดูด้านหน้าด้านหลังดูซอกมุมต่างๆ อาการพะอืดพะอมก็เยอะขึ้น ผมจึงวางไอ้งั่งหัวโลนตาแดงลงบนโต๊ะแล้วหยิบไอ้งั่งหัวเกลียวตาแดงขึ้นมาดูแทน อาการต่างๆยังเกิดขึ้นอยู่ เมื่อดูจนพอใจแล้วผมจึงวางงั่งลง แล้วก็นั่งคุยกับลุงจิตต่อ

ประวัติของไอ้งั่งตาแดงคู่นี้ ลุงจิตได้มาจากน้าชาย (น้องของแม่) ลุงจิตเก็บไว้ประมาณ 30 ปีแล้ว วางบูชาไว้ที่บ้าน แกบอกว่าแฟนฝันเห็นอยู่ประจำ และแฟนแกก็ถูกหวยมาเลบ่อยๆ พอเวลาไม่มีเงินนึกถึงเงินก็มีเข้ามา บูชาด้วยน้ำหวาน น้ำแดง ดอกมะลิ ของหอมๆ ระหว่างที่คุยกันเรื่องั่งเราก็คุยกันเรื่องทั่วไป ลุงจิตถามเรื่องการเดินทาง เรื่องงานของผม ผมทำงานอะไร แกถามว่ามาหาดใหญ่บ่อยไหม และก็คุยเรื่องอื่นๆนิดหน่อย

ผมถามย้อนไปถึงเรื่องของคนที่ให้งั่งคู่นี้ลุงจิตมา(คุณน้าของลุงจิต) แกบอกว่ายังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้อายุ 90 กว่าแล้ว อาศัยอยู่จังหวัดตรัง ที่ให้แกมาเนื่องจากคุณน้าอายุมากและไม่ได้ใช้งานแล้ว ไอ้งั่งโบราณตาแดงคู่นี้จึงตกมาอยู่ที่ลุงจิต โดยที่คุณน้าของลุงจิตได้มาจากเพื่อน(แถวภาคอีสาน)ให้ไว้นานแล้ว (ไม่มีข้อมูลอ้างอิงว่าปีไหน) เอาเป็นว่าอยู่กับคุณน้าของลุงจิตมานานและอยู่กับลุงจิตมา 30 กว่าปี ลุงจิตหวงมากเพราะอยู่ด้วยกันมานาน ผมถามว่าที่แฟนลุงจิตฝันเห็นบ่อยๆเห็นตัวไหน แกบอกว่าเห็นตัวหัวโล้น ที่รู้เพราะในฝันมารูปร่างแบบนี้ ส่วนตัวแกเองไม่เคยฝันเห็น

ผมจำได้ว่าตั้งแต่ที่คุยกับลุงจิตครั้งแรก แกเคยเล่าให้ฟังว่าเคยเอาไอ้งั่งตาแดงคู่นี่ไปทดลองให้เด็กผู้หญิงข้าม ผลการทดลองคือ #งั่งไม่พลิกครับ แต่เด็กผู้หญิงคนที่ข้าม พอข้ามเสร็จแล้วร้องไห้ บอกว่ารู้สึกไม่ดี วันนี้แกก็พูดเรื่องนี้อีก เหมือนกับที่คุยกับผมเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ลุงจิตเล่าเรื่องนี้ 2 ครั้ง ระยะเวลาห่างกัน 3 ปี พูดเหมือนเดิมทุกอย่าง แกก็เลยสรุปว่าไอ้งั่งตาแดงที่ว่าผู้หญิงข้ามแล้วจะพลิกไม่น่าจะจริง ผมเลยเสริมไปว่าเคยได้ยินแต่เรื่องเหนียว มีคนเจอมาเยอะ แกเลยเล่าเพิ่มเติมว่าคุณน้าของแกเคยมีประสบการณ์กับไอ้งั่งตาแดงคู่นี้เรื่องความเหนียว เคยโดนยิงแต่ไม่เป็นไร ซึ่งก็ตามนั้นครับ เรื่องประวัติผมถามเพราะอยากรู้ที่มา ส่วนเรื่องประสบการณ์นั้น ผมผ่านการใช้งานด้วยตัวเอง เจอมาหลายรูปแบบ ไม่มีข้อกังขาสำหรับเครื่องรางของขลังที่เรียกว่า “งั่งและเป๋อ” ผมเชื่อและศรัทธาเต็ม 100 อยู่แล้ว

#ของดีเวลาเจอหรือได้จับจะรู้สึกได้ แต่ก็มีหลายครั้งที่ตอนจับครั้งแรกไม่รู้สึกอะไร แต่พอใช้งานแล้วดีมาก ดังนั้นจึงขอฝากให้เป็นข้อคิดครับว่า #งั่งดีไม่จำเป็นต้องจับแล้วเวียนหัว มึนหัว ขนลุกหรือมีอาการแปลกๆ ซึ่งในกรณีของวันนี้ผมถือว่าโชคดีครับที่สัมผัสความรู้สึกได้อย่างชัดเจน หากจับแล้วไม่รู้สึกอะไร ผมก็ไม่เปลี่ยนใจครับ นั่งเครื่องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาก็เพื่อสิ่งนี้ ดังนั้นไม่มีคำว่าเปลี่ยนใจแน่นอน พอคุยกันสักพัก สอบถามข้อมูลต่างๆครบถ้วน หยิบจับส่องดูจนพอใจ ก็ถึงเวลาเจรจาพูดคุยเรื่องราคา เป้าหมายของผมคือต้องพากลับบ้านทั้งคู่ ผมเสนอราคาไปมากกว่าที่คุยตอนแรก (จากที่คุยราคาไว้แค่ตัวเดียว) โดยเพิ่มราคาขึ้นเพื่อขอเช่าทั้ง 2 ตัว ลุงจิดแกนิ่งแล้วบอกว่าขอเพิ่มอีกหน่อย (แกพูดราคามา) ผมเลยบอกว่าผมขอราคาที่ผมบอกไปแล้วกัน อย่าบวกเพิ่มเลย ขอเป็นค่าเครื่องบินที่ผมบินมารับถึงที่ หลังจากผมพูดเสร็จ…แกนิ่งแล้วก็พยักหน้า ผมจึงหยิบไอ้งั่งตาแดงทั้งคู่ใส่กระเป๋าและรูดซิปปิดเป็นอันจบดีลในครั้งนี้ ผมยกมือไหว้ลาลุงจิตและขอบคุณที่แบ่งไอ้งั่งตาแดงคู่นี้ให้ผม เราคุยกันจบประมาณ 17.45 น. ใช้เวลาคุยประมาณ 20 นาที หลังจากนั้นผมเดินเล่นและหาอะไรกินที่สนามบินเพราะไฟล์ทบินกลับของผม Boarding Time (เวลาที่ต้องไปเตรียมตัวขึ้นเครื่อง) คือ 19.00 น. ซึ่งการมาหาดใหญ่ของผมในครั้งนี้นั้นเป็น One day trip มาแล้วกลับทันทีไม่ค้างคืน

ผมชอบเวลามาขึ้นเครื่องที่นี่ครับ เพราะว่าการตรวจตราของสนามบินจะเข้มงวดมากเนื่องจากเป็นเขตพื่นที่เสี่ยง หากขับรถเข้ามาในสนามบินจะเจอด่านทหารตรวจก่อน เข้ามาถึงอาคารสนามบินแล้วก็ต้องตรวจและสแกนสิ่งของก่อนเข้าแระตูอาคารผู้โดยสาร ซึ่งหากเป็นสนามบินอื่นๆการสแกนจะทำเฉพาะก่อนที่จะขึ้นเครื่อง แต่ที่สนามบินหาดใหญ่สแกนก่อนที่ทางเข้าอาคาร 1 รอบ และก่อนขึ้นเครื่องต้องสแกนอีกรอบ ดูวุ่นวายดีครับ ก่อนกลับแวะซื้อมะม่วงเบาแช่อิ่มมาฝากภรรยาด้วยครับ เป็นของฝากขึ้นชื่อของที่นี่ มาครั้งนี้ผมเห็นในสนามบินมีร้านขายวัตถุมงคลด้วย โดยมีหลวงปู่ทวดและไอ้ไข่หลายรูปแบบให้เช่าบูชา ถือเป็นไอเดียที่ดีมากครับ เนื่องจากผมรีบเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู

ก่อนเครื่องขึ้น ผมอธิษฐานในใจบอกให้ไอ้งั่งตาแดงคู่นี้ให้มาอยู่กับผม สัญญาว่าจะดูแลอย่างดีเหมือนกับที่ผมบอกกับลุงจิตเอาไว้ โดยบอกแกว่าถ้าคิดถึงไอ้งั่งตาแดงคู่นี้เมื่อไหร่โทรหาผมได้ ผมจะเก็บดูแลอย่างดี หลังจากเครื่องออกใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงสนามบินดอนเมือง ถือเป็นการจบภารกิตพิชิตงั่งของผมในครั้งนี้

#MODERNMAJIK
#ไอ้งั่งตาแดงโบราณ #ภารกิจพิชิตงั่ง

อ่านประสบการณ์ไอ้งั่งหัวโล้นตาทองแดง “ขุนศึก” คลิก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *