รีวิวการแจ้งความกรณีโอนเงินเช่าพระแล้วผู้ขายไม่ส่งของให้
จากเคสที่ผมได้ทำการเช่าพระงั่งจากผู้ขายที่ติดต่อมาทางไลน์ (เค้าเห็นคลิปผมจาก YouTube)
ผู้ขายเลยติดต่อผมมาเพื่อเสนอขายพระโดยมีการคุยไลน์และโทรคุยกันมาตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. 67 โดยในวันศุกร์ที่ 8 มี.ค. 67 ได้มีการตกลงซื้อขายกัน ซึ่งหลังจากตกลงซื้อขายกันแล้ว ก็มีการส่งหลักฐาน รูปพระถ่ายคู่กับบัตรประชาชน และส่งรูปถ่ายหน้าบัญชีธนาคารซึ่งเป็นชื่อเดียวกับในบัตรประชาชนมาให้ผมทางไลน์
เมื่อหลักฐานครบ ผมก็โอนเงินจำนวนตามที่ตกลงกันไว้ไปให้ ในช่วงเที่ยงวันศุกร์วันที่ 8 มี.ค. 67 โดยผู้ขายตกลงว่าจะส่งของให้ช่วงเย็นวันศุกร์เลย แต่พอช่วงเย็น ผู้ขายได้ไลน์มาแจ้งว่ายังไม่สะดวกส่งของให้ ขอเลื่อนส่งของให้ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 9 มี.ค. 67 แทน ซึ่งผมก็ไม่มีปัญหา
พอถึงเช้าวันเสาร์ ยังไม่ส่งของให้ ผมเลยโทรไปตามตอนช่วงก่อนเที่ยง ผู้ขายก็บอกว่ากำลังจะไปส่งของให้ ผมก็รอ…ซึ่งก็เงีบบไป ไม่มีการแจ้งสลิปการส่งของ ผมไลน์ไปตามก็ไม่อ่านไลน์ โทรไปก็ไม่รับ ในช่วงเย็นวันเสาร์ผมเลยส่ง SMS ไปบอกว่า
ถ้าไม่ส่งของให้ผมภายในวันอาทิต์ที่ 10 มี.ค. 67 ช่วงก่อนเที่ยง ผมจะแจ้งความ
ซึ่งในใจผมคิดว่าเค้าไม่ได้ตั้งใจจะมาโกงตั้งแต่แรก เพราะว่าหลักฐานเอกสารต่างๆก็ส่งมาครับ ก่อนซื้อขายกันผมก็บอกไปแล้วว่าที่ให้ส่งหลักฐานเป็นรูปพระถ่ายคู่กับบัตรประชาชน เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ถ้ามีปัญหาผมจะดำเนินการตามกฏหมาย ซึ่งผู้ขายก็รู้ตัวอยู่แล้วครับ
แต่พอโอนไปแล้ว ก็เป็นอย่างที่ผมเล่าให้ฟังครับ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ผมขีดเส้นตายไว้ คือ 12.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 10 มี.ค. 67 ผมจึงเดินทางไป สน.หลักสอง (อยู่ใกล้บ้านผม) เพื่อไปแจ้งความดำเนินคดี
เมื่อไปถึงจึงแจ้งร้อยเวรว่าจะมาขอแจ้งความเนื่องจาก ได้ทำการโอนเงินเช่าพระแล้วผู้ขายไม่ยอมส่งของให้ ทางร้อยเวรจึงแจ้งว่า ถ้าหากเกิดเคสแบบนี้ ให้โทรแจ้งที่เบอร์ 1441 ก่อน
1441 คือใคร?
1441 คือ สายด่วน One Stop Service โดย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : หรือศูนย์ AOC)
ผมจึงโทรไปที่เบอร์ 1441 ทันที หลังจากโทรไปก็มีเจ้าหน้าที่รับสาย (ไม่ได้แจ้งชื่อ/ยศ เลยไมรู้ว่าเป็นตำรวจรึเปล่า)
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สอบถามข้อมูลส่วนตัวของผม และสอบถามเกี่ยวกับเคสที่เกิดขึ้น ผมจึงเล่าลำดับเหตการณ์ให้ฟังว่าเกิดอะไร ช่วงไหน อย่างไร โดยเจ้าหน้าที่ได้ขอชื่อ นามสกุล และรายละเอียดของบัญชีธนาคารปลายทาง (บัญชีของผู้ขาย) ซึ่งกรณีนี้เป็นธนาคารกรุงไทย และขอรายละเอียดบัญชีธนาคารต้นทาง (ของผม) ซึ่งเป็นบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ของ 1441 จึงไทำการ Conference Call (ประชุมผ่านทางโทรศัพท์) กับธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์เคสอาชญากรรมออนไลน์โดยเฉพาะ ในการคุยร่วมกับธนาคาร เจ้าหน้าที่ของ 1441 แจ้งเคสเบื้องต้น และทางเจ้าหน้าที่จากธนาคารไทยพาณิชย์ ได้สอบถามข้อมูลเบื้องต้นจากผม เพื่อเป็นการยืนยันตัวตัวว่าผมเป็นเจ้าของบัญชีตัวจริง
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคาร จึงได้บันทึกข้อมูลเข้าระบบของธนาคารและทำการแจ้ง เลขระงับบัญชีธนาคาร (เป็นตัวเลขผสมตัวอักษรภาษาอังกฤษรวม 16 หลัก)
จากนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารจึงวางสาย และทางเจ้าหน้าที่ 1441 จึงได้แจ้ง เลขรับแจ้งความ (เป็นตัวเลขผสมตัวอักษรภาษาอังกฤษรวม 12 หลัก) ซึ่งตัวเลขทั้ง 2 ชุดนี้ ผมจะต้องนำไปเป็นหลักฐานอ้างอิงในการแจ้งความ ซึ่งเมื่อข้อมูลครบแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าได้ส่งเรื่องเข้าระบบไปที่สถานีตำรวจหลักสองเรียบร้อยแล้ว ให้ผมรอ SMS เพื่อนำข้อมูลนี้ไปแจ้งความได้เลย (ภายใน 72 ชั่วโมง)
ซึ่งระยะเวลาที่ผมโทรไปที่เบอร์ 1441 จนเสร็จกระบวนการ ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีครับ ถือว่าเร็วมาก และหลังจากวางสายไม่ถึง 2 นาที่ ก็มี SMS เข้ามา โดย SMS จะระบุเลขรับแจ้งความ และเลขระงับบัญชีธนาคาร
ผมจึงใตัวเลขนี้ในการแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับทาง สน.หลักสอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ร้อยเวรได้ทำการสอบถามข้อมูลเพื่อพิมพ์เอกสารลงบันทึกประจำวัน เมื่อได้เอกสารมาแล้ว จึงส่งเอกสารให้พนักงานสอบสวนอีกท่าน (ยศ ว่าที่พันตำรวจโท) เพื่อลงนามรับรองการแจ้งความในครั้งนี้ หลังจากนั้นเจ้าหนาที่ตำรวจ ได้ออกเอกสารเพื่ออายัติบัญชีธนาคารอีก 1 ฉบับ เซ็นต์รับรองโดย รองผู้กำกับ สน.หลักสอง (ยศพันตำรวจโท)
ตอนนี้ผมได้เอกสารมาดังนี้ครับ
1.เอกสารแจ้งความลงบันทึกประจำวัน 1 ฉบับ (1 หน้า)
2.จดหมายเพื่อขออายัดบัญชีธนาคาร 1 ฉบับ (2 หน้า) โดยเอกสารส่วนนี้ผมต้องถือไปที่ธนาคารปลายทาง (ของผู้ขาย) สาขาใดก็ได้ เพื่อยื่นเอกสารให้กับผู้จัดการธนาคาร เพื่อดำเนินการในการอายัดบัญชีธนาคาร
ความเจ๋งก็คือ ตั้งแต่ที่ผมได้โทรแจ้ง 1441 รวมถึงได้คุยกับเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ในตอนแรก หลังจากได้เลขรับแจ้งความและเลขระงับบัญชีธนาคาร มาแล้ว บัญชีธนาคารของผู้ขาย โดนระงับการใช้งานชั่วคราวทันที ถือเป็นเรื่องที่รวดเร็วมากครับ
จะผิดหรือไม่ผิด จะโกงหรือไม่โกง ค่อยมาสืบสวนกัน แต่อย่างน้อยบัญชีนี้จะโดนระงับการใช้งานชั่วคราวทันทีหลังจากได้รับแจ้งครับ
เล่าย้อนกลับไปตอนที่ผมมาที่สถานีตำรสจเพื่อแจ้งความตอนประมาณช่วงเที่ยง ผมได้ส่งไลน์และ SMS ไปหาผู้ขายอีกครั้งว่ากำลังดำเนินการแจ้งความ ซึ่งในระหว่างที่ผมแจ้งความอยู่ ผู้ขายได้ไลนและโทรกลับมาหาผมทันที
ถามผมมว่าผมแจ้งความทำไม???
WTF…ไม่น่าถามนะฮะ
อยู่ดีๆก็หาย ไลน์ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ (ผมจะต้องระอะไรล่ะครับ 555)
ซึ่งผมไม่สนใจครับ ผมไลน์กลับไปว่าให้ผมแจ้งความเสร็จก่อน แล้วค่อยคุยกัน
เค้าก็โทรสวนกลับมาอีก ผมจึงกดวางสายไป (ทีใครทีมัน 555)
สรุปว่าผมดำเเนินการแจ้งความเสร็จสมบูรณ์ และแจ้งกลับผู้ขายไปว่า ถ้าส่งของมาให้ผมและของถึงมือผมแล้ว ผมจะถอนแจ้งความให้ เค้าก็รีบเลยครับ บอกว่าจะรับส่งให้ทันที่ (แหม่…รู้สึกกระตือรือล้นขึ้นมาทันที)
เย็นวันอาทิตย์เค้าไปส่งของให้ แต่ว่าร้านรับส่งปิด (เป็นช่วงเย็นแล้ว) เค้าเลยส่งรูปหน้าร้านมาให้ดูว่าร้านปิด
จากนั้นวันรุ่งขึ้น…เค้าจึงได้ไปส่งพัสดุอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 11 มี.ค. 67 และแจ้งเลขพัสดุผมมา เพื่อยืนยันว่าทำการส่งของให้แล้ว หลังจากนั้นพัสดุก็ได้มาถึงผมวันที่ 12 มี.ค. 67 ด้วยสภาพที่สมบูรณ์
ผมจึงได้เดินทางไปที่ สน.หลักสอง เพื่อถอนแจ้งความในเย็นวันนั้นเลยครับ
สรุปว่าเคสนี้ ผมได้ทำการแจ้งความและถอนแจ้งความเรียบร้อย
และก็ได้พระมาตามที่ต้องการครับ เสียเวลาไปแจ้งความและไปถอนแจ้งความรวมแล้ว 4 ชั่วโมง แต่ก็ทำให้ได้รู้ถึงขั้นตอนต่างๆในการแจ้งความ เมื่อเกิดกรณีเช่นนี้
ขอให้ทุกท่านไม่ต้องเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้นะครับ แต่ถ้าเจอจริงๆ การแจ้งความดำเนินคดี ก็ไม่ได้ยุ่งยากและซับซ้อนอะไร และที่สำคัญคือทำได้รวดเร็วมากครับ อันนี้ต้องขอชื่นชมทาง ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หลักสองด้วยครับ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผม
เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า เคสการโกงทางออนไลนืมีแจ้งความทุกวัน วันละหลายๆเคส แสดงให้เห็นว่าอาชญากรรมออนไลน์นั้น เกิดขึ้นได้ง่ายและเกิดขึ้นบ่อย
ซึ่งเรื่องนี้ผมเห็นว่ามีประโยชน์เลยเขียนบทความนี้เพื่อแชร์ข้อมูลให้เพื่อนๆได้ทราบครับ