พระงั่งหรือพระฤกษ์หรือพระชัย

“งั่งหรือพระชัย”

พระงั่งหรือพระฤกษ์หรือพระชัย

  “งั่งหรือพระชัย”

เป็นบทความที่เขียนขึ้นโดย คุณ ดนัย เยาหะรี

” พระ” นะ …ไม่ใช่ ” งั่ง ”
ผมขอจับเข่าทำความเข้าใจตรงนี้เสียเลยว่า สิ่งที่ผมหยิบยกนำมากล่าวถึงในครั้งนี้ คือ ” พระ” มิใช่ ” งั่ง ” อย่างที่ใครบางคน หรือหลายคนมีความเชื่อเช่นนั้น พระพุทธรูปนี้ตามตำราแบ่งยุคการสร้างไว้ ๑๓ ยุค สำหรับคนไทยในปัจจุบันนิยมสะสมพระพุทธรูป ซึ่งอันมีนามเป็นมงคลอยู่ ๓ ยุคคือ
๑….เชียงแสน
๒…สุโขทัย
๓…อู่ทอง
“พระพุทธรูปยุคเชียงแสน” เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นประมาณ ศตวรรษที่ ๑๗ – ๒๐ และพบมากที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จึงถูกขนานนามว่า พระพุทธรูปเชียงแสน ตามแห่งหนตำบลที่พบ
พระพุทธรูปเชียงแสนแบ่งออกเป็น สามยุค คือ ยุคแรกมีลักษณะคล้ายกับพระพุทธรูปสมัยปาละของอินเดียมาก เช่นพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิเพชร องค์อ้วนล่ำ สังหาฎิสั้น ไม่ถึงพระถัน พระพักต์กลม พระนาสิกงุ้มบ้าง เล็กบ้าง พระโอษฐ์เล็ก ฐานมีบัวหงาย มองเห็นคล้ายมีเกสรแซม คนทั่วไปเรียกพระรุ่นนี้ว่า ” เชียงแสนสิงห์หนึ่ง”
ส่วนพระเชียงแสนในยุคหลังจะแตกต่างกับยุคแรก ตรงรูปทรงไม่อ้วนนัก พระนั่งขัดสมาธิราบ พระศกละเอียด พระเกศเป็นเปลวคล้ายแบบ สุโขทัย มีสังฆาฎิ ความยาว ๒ ระดับ คือ คือถ้าต่ำกว่าพระถันเล็กน้อย เรียกว่า ” เชียงแสนสิงห์สอง” และถ้าสังฆาฎิต่ำกว่าพระถันมากเรียกว่า ” เชียงแสนสิงห์สาม”
” พระพุทธรุปยุคสุโขทัย” มีอายุการสร้างอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๘- ๑๙ พระพุทธรูปยุคนี้ถือว่าเป็นศิลปของไทยแท้ และเป็นพระพุทธรูปที่งดงามที่สุดกว่าทุกยุคทุกสมัย อีกทั้งนามของยุคเป็นมงคลนามด้วย จึงมีผู้นิยมยกย่องพระพุทธรูปแบบสุโขทัยจำนวนมาก
” พระพุทธรูปยุคอยู่ทอง” เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๗-๒๐ ดินแดนอันเป็นต้นกำเหนิดของศิลปแบบอู่ทอง อยู่ตอนกลางของประเทศ ซึ่งเคยเป็นอณาจักรทวารวดี และเคยอยู่ในอำนาจของขอมมาก่อน ศิลปแบบอู่ทองจึงได้รับอิทธิพลจากที่ต่างๆมาผสมกัน แต่พระบูชายุคอู่ทองซึ่งเป็นที่รู้จักและนิยมทั่วไปแบ่งออกเป็น ๒ ยุค คือ
๑..อู่ทองหน้าหนุ่ม
๒..อู่ทองหน้าแก่
เรื่องนี้ผู้เชี่ยวชาญในด้านพระบูชาเคยแสดงทัศนะให้ฟังว่า การสร้างพระพุทธรูปบูชาในยุคต่างๆนั้น เหตุการณ์แวดล้อมในขณะนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างมาก เช่นยุคใดสมัยใดบ้านเมืองมีความสมบูรณ์พูนสุข และพระพุทธรูปก็จะพลอยงดงาม มีแววแห่งความสมบูรณ์ให้เห็นชัดเจน
สำหรับพระพุทธรูปซึ่งผมได้รับมรดกตกทอดมาจากญาติทางพระนครศรีอยุธยา เป็นพระพุทธรูปบูชาขนาดเล็ก หน้าตักกว้างสองนิ้ว ที่ส่วนเศียรสวมมงกุฎ นุ่งห่มจีวรแบบคลุม ไม่มีสังฆาฎิ คนของศิลปกรเรียกพระพิมพ์นี้ว่า พระชัย แต่มีคนอีกหลายคนเข้าใจผิดเรียกว่า พระงั่ง และชอบพกพระพุทธรูปองค์น้อยนี้ ในกระเป๋ากางเกงบ้าง วางไว้ในที่ไม่อันควรบ้าง ทำให้ผมต้องพยายามศึกษาค้นคว้า หาข้อเท็จจริงมาประดับตัวเอง และไว้อธิบายแก่คนอื่น ซึ่ง หาข้อมูลได้จากคุณ วีระพล จ้อยทองมูล แห่ง หนังสือพิมพ์ข่าวสด ได้มาว่า คำว่า “งั่ง” มีมาจากหลายข้อมุลคือ
” งั่ง ” เป็นโลหะชนิดหนึ่ง สีและเนื้อเหมือนตะกั่ว แต่แข็งกว่า
” งั่ง ” เป็นพระพุทธรูปที่ยังไม่ได้ทำพิธีเบิกเนตร เป็นรูปหล่อโลหะเหมือนพระพุทธรูป แต่ไม่มีผ้าพาด
” งั่ง ” ที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายไว้ใน ” สานส์สมเด็จ” เป็นทำซึ่งทางปักษ์ใต้เรียกว่า ” ฮั่ง ” แปลว่าทองแดง เช่นเดียวกับคำอธิบายของ คุณโชติ กัลยาณมิตร ในหนังสือพจนานุกรมสถาปัตยกรรม ว่า ” งั่ง ” แปลว่าทองแดง เป็นคำเดียวกับ ” ฮั่ง ” ในภาษาถิ่นเหนือ “พระงั่ง” หรือแหวน “งั่ง” จึงหมายถึงพระพุทธรูป หรือ แหวนที่ทำจากทองแดงนั่นเอง

พระงั่งหรือพระฤกษ์หรือพระชัย

ส่วนคนไทยในสมัยก่อนให้ความหมายของคำว่า ” งั่ง” ไว้ว่า
” งั่ง ” เป็นทั้งเครื่องราง และอาวุธที่มีขนาดพอจุมือ เวลาใช้ กำงั่งให้ปลายแหลม โผล่ออกมาสำหรับแทงศัตรู แม้ศัตรุจะมีความอยู่ยงคงกระพัน ต่ออาวุธทั้งปวง ก็ต้องมีอันต้องหลั่งเลือดให้กับ “งั่ง” เพราะ ” งั่ง” เป็นของที่ผ่านการปลุกเสก ถอนอาถรรพ์ศัตรูไว้แล้ว
สำหรับพระพุทธรูปองค์น้อยนี้ คุณวีระพล แก้วทองมูล ได้กรุณาไขความกระจ่าง ว่า….สมัยก่อน เมื่อทหารกรุงศรีอยุธยาจะไปทำสงครามกับอริราชศัตรู ทางราชการ รวมกับญาติพี่น้องของทหาร จะร่วมกันสร้างพระพุทธรูปขึ้นจำนวนมาก เป็นพระบูชาองค์เล็ก ขนาดพกติดตัวได้ แล้วแจกให้ทหารคนละสององค์ เพื่อพกติดตัวก่อนออกเดินทัพ จากนั้นทหารก็จะนำพระพุทธรุปองค์หนึ่ง ไปตั้งบูชาไว้ข้างโบสถ์ วิหาร หรือฐานเจดีย์ ในบริเวณวัด พระองค์แรกนี้เรียกว่า ” พระฤกษ์” คือบูชาก่อนเพื่อเอาฤกษ์ ส่วนอีกองค์หนึง นำติดตัวไปเข้าสนามรบด้วย ครั้นเมื่อเสร็จศึกสงครามกลับมาถึงบ้านถึงเมือง แล้ว ก็นำองค์พระที่นำติดตัวไปด้วย นำไปบูชาคู่กับพระฤกษ์ เรียกพระพุทธรูปองค์ที่สองนี้ว่า ” พระชัย ” ถือเป็นมงคลแห่งชัยชนะ ทหารกล้าชาวกรุงเก่าที่เดินทางไปรบทัพจับศึก แต่ละครั้งมีจำนวนมาก พระฤกษ์ และ พระชัย ย่อมต้องวางเกลื่อนอยู่ภายในบริเวณวัดมากมาย จึงเป็นถาระของวัดที่ต้องหาที่เก็บรักษาหรือบรรจุให้เรียบร้อย สะอาดตา ซึ่งส่วนมากจะบรรจุไว้ในเจดีย์ ดังนั้นจึงมีการขุดพบพระฤกษ์ และ พระชัย จำนวนมาก มายหลายวัด โดยเฉพาะวัดที่อยู่นอกตัวเมืองทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก เป็นต้น
ชาวเชียงแสน ในสมัยศตวรรษที่ ๑๗ – ๒๐ มีความเลื่อมใสศัทธาในพระศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ผู้ใดมีบุตรสาวหนึ่งคน ต้องสร้างพระพุทธรูปบูชาขึ้นแทนการบวช พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นแทนการบวชนี้ จะมีขนาดและเนื้อวัตถุ อย่างไร ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้สร้าง คือบิดา มารดา ของหญิงสาวผู้นั้น ด้วยเหตุนี้พระพุทธรูปเชียงแสนจึงมีมากมาย เท่ากับจำนวนสตรีในยุคเชียงแสน ซึ่งกินเวลายาวนานเกือบ ๖๐๐ ปี นอกจากนั้นยังมีการสร้างด้วยจิตศัทธาร่วมอีกจำนวนมาก
ผิดแผกกับสามัญชนคนไทยในสมัยนี้หน้ามือ เป็นหลังมือ ที่สามารถนำความศัทธาในพระพุทธศาสนามาผนวกกับการค้าได้อย่างกลมกลืน พระแท้ๆ ใครเห็นก็จะรู้ได้ทันทีว่าเป็นรุปสมมุติแทนพระพุทธองค์ จึงถูกเฉไฉ ไปเรียกว่า ” งั่ง ” ไปได้เช่นนี้…

งั่งทรงพระชัยเนื้อทองดอกบวบ

หลังจากผมโพสต์บทความนี้ในปี  2014 ในช่วงปลายปี 2016 ผมได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาจากสมาชิกในกลุ่ม facebook เกี่ยวกับพระงั่งดังนี้ครับ (ขออภัยด้วยครับ จำไม่ได้ว่าเซฟรูปมาจากสมาชิกท่านใด เลยไม่ได้ให้เครดิตภาพ ขออนุญาตมา ณ.ที่นี้ด้วยครับ)

บทความเรื่องพระงั่ง จากนิตยสารร่มโพธิ์ พฤษภาคม 2536
บทความเรื่องพระงั่ง จากนิตยสารร่มโพธิ์ พฤษภาคม 2536
บทความเรื่องพระงั่ง จากนิตยสารร่มโพธิ์ พฤษภาคม 2536
บทความเรื่องพระงั่ง จากนิตยสารร่มโพธิ์ พฤษภาคม 2536
บทความเรื่องพระงั่ง จากนิตยสารร่มโพธิ์ พฤษภาคม 2536
บทความเรื่องพระงั่ง จากนิตยสารร่มโพธิ์ พฤษภาคม 2536
บทความเรื่องพระงั่ง จากนิตยสารร่มโพธิ์ พฤษภาคม 2536
บทความเรื่องพระงั่ง จากนิตยสารร่มโพธิ์ พฤษภาคม 2536

แอดเป็นเพื่อนกับ MODERN MAJIK ใน Line
คุณจะไม่พลาดข่าวสารและบทความล่าสุดจากเรา

เพิ่มเพื่อน

iPher/ePher รุ่น LOVE & PEACE
จัดสร้างโดย MODERN MAJIK

กำหนดเปิดจอง iPher/ePher ปลายปี 2562
(ประมาณเดือน พ.ย.)

รายละเอียดคลิกที่รูปด้านล่างครับ

iPher ePher by MODERN MAJIK

iPher ePher by MODERN MAJIK

บันทึก

บันทึก

บันทึก

บันทึก

4 thoughts on ““งั่งหรือพระชัย””

  1. หละหง่าง ระง่าง หละงั้ง มันคนละอย่างกับพระพระชัย หละหง่างไม่ใช่พระ เป็นของต่ำไม่จัดว่าเป็นพระ คนภาคเหนือสมัยก่อนใครมีใครพกใครบูชา จะไม่เป็นที่ต้อนรับ พูดง่ายๆเปรียบเหมือนคนเป็นเรื้อนเป็นที่รังเกลียดของสังคม คนที่พกส่วนใหญ่ เป็นนักเลงนักเลงพนัน นักเลงผู้หญิง ชอบทำตัวเกะกะระรานลูกเมียชาวบ้าน เป็นที่ไม่ตอนรับของคนในชุมชนและวงพนันจะตรวจก่อนให้เข้ามาเล่นเพราะเจ้ามือทำข่มลูกมือไม่ให้ใครใช้คาถาโดยอาศัยของต่ำในการข่มหรือคาถา แต่ใครพกหละง่าง จะข่มไม่ลง ยิ่มเพิ่มอำนาจเข้าไปอีกจึงเป็นท่ี่เกรงกลัวของนักพนัน ตอนผมเป็นเณรน้อยอยู่วัดที่เชียงรายเคยเห็นของช่างเกะสลักไม้ภาคเหนือเรียกว่าสล่า ช่างจะมีอยู่1องค์ได้จากลาวเหนือองสีดำตาทองแดง เป็นของพ่อสล่าอีกทีที่ตายแล้ว สมัยนั้นเคยเล่าว่าพ่อของสล่าใช้หละง่างเรียกสาวให้มาถึงบ้านทุกคืนคนละคน คนเป็นที่เกรงกลัวของพ่อที่มีลูกสาวหรือเมียสาวเป็นอย่างมาก บ้างครั้งถูกไล่ยิงก็หลายครั้งแต่ยิงไม่โดน มีเรื่องชู้สาวบ่อยๆกำนันประชุมหมู่บ้านโดนตัดออกจากสมาชิกหมู่บ้านคือกองทุนทำศพนั้นเอง จนต้องออกไปทำงานที่อื่นและได้เข้าไปเล่นพนันแถวคลองเตยได้เงินมามากจนผิดปกติบ่อยๆจนเจ้ามือสั่งคนนักฆ่า5คนเพื่อเอาเงินคืนโดนไล่ยิงแต่ไม่โดนสักนัดวิ่งข้ามคลองกว้างๆ4-5วาคนได้สบายๆวิ่งบนโคลนลึกได้เหมือนวิ่งอยู่บนดินที่เปียกน้ำธรรมดาและด้านเสหน์ผู้หญิงจนได้เมีย 2 คนสล่าเป็นลูกของเมียคนที่1 และพ่อของสล่าได้ตายด้วยมะเร็งได้มระดกจากพ่ออีกที ตัวนี้เห็นอภินิหารเต็มตาเลยว่า มันพุ้งได้เมื่อเจอพระสมเด็จใส่จานใบเดียวกันเมื่อเอาใส่รวมกันมันจะสั่นเบาๆจนเข้าขึ้นแรงมันก็พุ่งจากจานใส่ที่พระออกไปชนกับกระจกบานเกร็ดจนแตกทะลุมุ้งลวดออกจากข้างนอกกุฎิที่พักของสล่าไปตกที่ถอดรองเท้าข้างหน้าห้องผมเลยเห็นอภินิหานกับตาเลยเชื่อว่าของพวกนี้มันยังมีจริง สล่าบอกว่าใช้ในทางที่ดีมันก็ดีใช้ในทางที่ชั่วมันก็ชั่วแต่หละง่างมันชอบไปทางที่ชั่วมากกว่ามันเป็นของต่ำและจะทำให้ชีวิตเราไปในทางที่จิตใจตกต่ำต่ำทรามไปด้วยถ้าคิดจะบูชาครอบครองมันให้มันเสพด้วยเช่นไปเอากับสาวต้องมัดเอวเอาด้วย กินเหล้าก็มัดด้วย กินข้าวก็เรียกกินด้วยมันถึงจะดีมันจะคุ้มกายเหมือนมันสิ่งสู่ในตัวเรานั้นเหละสุดยอด ถามพระฝั่งลาวท่านบอกว่า หละง่างคือเพชรพญาธร เทวดาริฤธิ์สูงแต่ฝักใฝ่ฝ่ายต่ำ กามคุณ เพราะมีกิเลสมากตัดไม่ได้ ชอบเที่ยวดูการละเล่นต่างในโลกมนุษย์ และการบำเพ็ญเพียรของเขาทำให้ได้เกิดเป็นเทวดาที่มีริฤธิ์มากแต่ยังตัดไม่ขาดในเรื่องของกิเลส กามคุณ จึงได้เป็นเพชรพญาธร ออกปล้นสวาทหญิงสาวพรรมจรรย์ในตอนกลางคืน

    1. ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล นานๆทีจะเจอคนที่เคยเห็นด้วยตาตนเองมาเล่าให้ฟัง ส่วนใหญ่ผมเจอแต่เรื่องเล่าที่ฟังต่อๆกันมา ไม่ทราบว่าเหตุการณ์ที่คุณเทิดศักดิ์บวชเป็นเณรและได้เห็น “ละหง่าง” พุ่งทะลุมุ้งลวดนี่นานรึยังครับ

  2. ด้านฤริธานุภาพของมัน กันอาวุธ กันคุณไสย คุนผีคุณคน กันของ เป็นมหาเสนย์ เล่นพนันเสี่ยงโชคดี เรียกจิตผู้หญิงได้ สล่าเกะไม้เคยบอกว่าตัวนี้ของสล่าเมื่อผู้หญิงข้ามจะกระโดดเด้งดึ๋งๆเลยยิ่งเจอผู้หญิงพรรมจรรย์มีประจำเดือนข้ามมันจะกระโดดชนก้นผู้หญิงเลย เอาไว้หิ้งพระตอนกลางคืนตอนเช้ามามันจะอยู่ซ่อนอยู่ให้ที่นอนไม่ก็ในตระกร้าผ้าถุงกางเกงในในรองเท้าก็มี พ่อของสล่าบอกสล่ามาอีกทีถ้าเราเลี้ยงมันดีมันจะไม่หนีไปไหนไม่ไกล แต่ถ้าเลี้ยงมันไม่ดีบูชาเอาไว้ที่เดียวกับพระแรงๆมันมีสิทธิ์หนี้หายไปเลยได้ เสียดายที่สล่าไม่ให้เพราะเป็นเณรอยู่กลัวได้สึกไวเพราะผู้หญิง กลัวจะเป็นบาปก็เลยไม่ให้ ได้แต่พระขุนแผนไข่ผ่าซีกมาองค์เดียวของพ่อสล่าแค่นั้นเอง

  3. นานแล้วครับ สมัยนั้นบวชเป็นเณรอยู่เชียงราย ปี 43 แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นปี 44เนี้ยเหละครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *