เบี้ยแก้ อ.กา
หลังจากทีี่ผมได้ทำเว็บ MODERN MAJIK ขึ้นมาเพื่อแชร์ประสบการณ์การใช้งานงั่งและเป๋อ ผมเองก็ได้มีโอกาสศึกษาเครื่องรางของขลังที่ชื่อว่า “เบี้ยแก้” ซึ่งก่อนหน้านี้เคยได้ยินชื่อและได้รู้จักข้อมูลมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของ เมื่อศึกษาข้อมูลต่างๆแล้ว ผมจึงสนใจที่ต้องการหาข้อมูลและความรู้ต่างๆเพิ่ม จึงได้สร้างกลุ่ม facebook ที่ชื่อ “เบี้ยแก้ ของดีคู่กาย” ขึ้นมา และก็มีคนสมัครเข้ามาในกลุ่มมากมายครับ ปัจจุบันมีสมาชิกหลักหมื่นคน
ซึ่งช่วงแรกๆในการเปิดกลุ่มนั้น เมื่อประมาณปี 2016 มีคนโพสต์ข้อมูลเบี้ยแก้ต่างๆมากมาย โดยหนึ่งในเบี้ยแก้ที่ผมเห็นแล้วรู้สึกชอบคือ เบี้ยแก้ อ.กา วัดแค อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เนื่องจากมีเอกลักษณ์ในการสร้าง รูปแบบและวัสดุที่ใช้ทำนั้นจะแตกต่างจากของสายวัดกลางบางแก้วชัดเจน นี่จึงเป็นที่มาที่ทำให้ผมสนใจและต้องการเบี้ยแก้ อ.กา มาไว้ในครอบครอง แต่ก็ด้วยที่ของหายากและปัจจุบันมีของเก๊ออกมาค่อนข้างเยอะ ผมจึงยังไมมีโอกาสได้เป็นเจ้าของสักที
หลังจากรอมา 2 ปี ผมจึงได้มีโอกาสเป็นเจ้าของเบี้ยแก้ อ.กา ตามความตั้งใจ โดยเบี้ยแก้ อ.กา ลูกนี้ เจ้าของเดิมเค้าเช่าต่อมาอีกทอด มีข้อมูลแค่ว่าลูกนี้อยู่กับเจ้าของเดิมมาประมาณ 15 ปี ซึ่งผมไม่ได้สนใจที่ประวัติมากนัก เพราะว่าไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจริงเท็จแค่ไหน จึงดูที่ตัวเบี้ยแก้เป็นหลัก สภาพเบี้ยแก้ลูกนี้สมบูรณ์มากครับ ลูกใหญ่ รูปทางสวยงาม ผิวรักแห้งและร่องรอยต่างๆดูเป็นธรรมชาติและที่สำคัญคือลายมุ้งที่มองเห็นจากส่วนที่รักเคลือบไม่มิด และหูทองแดงซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเบี้ยแก้ อ.กา ชัดเจน
ประวัติอาจารย์กา วัดแค อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
เบี้ยแก้ของอาจารย์กา จะมีการจารอักขระตัวกลางด้วยนะโมพุทธายะ
ด้านข้างซ้ายเป็นตัวเฑาะ ด้านข้างขวาเป็นเฑาะมหาอุตม์ ตัวนี้แหละครับ ที่ยิงไม่ออก….. ออกไม่เข้า….. โดยยันต์ชุดนี้อาจารย์กาจะจารที่ใต้แผ่นตะกั่ว ก่อนที่จะตีหุ้มเบี้ยแก้ สุดท้ายจะปลุกเสกจนขยับได้ทุกตัว เบี้ยแก้ยุคแรกจะลงรักถักเชือกซึ่งปัจจุบันได้ถูกนำไปเล่นหาเป็นของหลวงปู่เพิ่มแทบทั้งสิ้น ต่อมามีความต้องการเบี้ยของท่านมากจนสร้างไม่ทันตามความต้องการจึงเปลี่ยนมาใช้มุ้งคลุมและกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเพราะท่านใช้มุ้งมาหุ้มตัวเบี้ยบ้างหรือบางทีก็ใช้กางเกงยีนส์ในการหุ้ม ตะกรุดของท่านถ้าแบบดูง่ายๆท่านจะใช้พวกหลอดยาสีฟันยุคเก่าๆมาทำเพราะอ่อนตัวม้วนง่ายคล้ายๆตะกั่วถ้ำชา ส่วนประวัติท่านนั้นยังสับสน บางท่านก็ว่าท่านเรียนตำราการสร้างเบี้ยแก้มาจากหลวงปู่บุญแห่งวัดกลางบางแก้วบ้าง หรือบางท่านก็ว่าท่านเรียนกับหลวงปู่เพิ่มลูกศิษย์หลวงปู่บุญอีกทีหนึ่ง บางสายก็ว่าท่านร้อนวิชาไปเรียนเบี้ยแก้มาจากสำนักทางฝั่งธนพระนครเลยก็ว่ากันไปครับ แต่ที่รู้แน่ๆก็คือเบี้ยแก้ของท่านมีผู้นำไปใช้แล้วเกิดประสบการณ์กับตัวมาหลายครั้งหลายท่านด้วยกัน มีทั้งทางด้านมหาอุดและทางแคล้วคลาดคงกระพันและมหากันสารพัดสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายทั้งปวงได้
หลวงตากาเคยบอกว่า “เบี้ยของกูยิงไม่ออก ยิงออกก็ไม่โดน ถ้าไม่จริงมาด่ากูได้ที่กุฎิ” แต่ตามข้อมูลจริงแล้วท่านได้วิชาเบี้ยแก้สาย หลวงปู่รอดวัดนายโรงมา ท่านไม่ได้เป็นศิษย์หลวงปู่เพิ่มแบบที่หลายท่านเข้าใจ
๑ สาเหตุที่เบี้ยแก้หลวงปู่กันตายโหงได้แถมยังยิงไม่ออก เพราะท่านลงจารอักขระตัวกลางด้วย นะโมพุทธายะ ด้านข้างเป็นเฑาะ ด้านขวาเป็นเฑาะมหาอุตม์ ตัวนี้เองที่ทำให้ปืนยิงไม่ออก ออกก็ไม่เข้า โดยยันต์ชุดนี้ท่านได้จารใต้แผ่นตะกั่ว ก่อนจะตีหุ้มเบี้ยและจารผ้าแดงอีกครั้งก่อนจะตีหุ้มเบี้ยที่ตีตะกั่วหุ้มแล้วถักเชือก(ยุคหลังหุ้มด้วยมุ้ง) เบี้ยของท่านจึงลงอักขระถึงสองชั้น ซึ่งมากกว่าเบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่ม โดยเฉพาะการกำกับด้วยเฑาะห์มหาอุตม์ ทำให้เห็นได้ว่าช่วงหลังจะได้ยินประสบการณ์เบี้ยแก้อาจารยกามากกว่าหลวงปู่เพิ่ม และคนในพื้นที่ต่างเสาะหากันมากขึ้นแบบแทบหาของไม่ได้ เพราะท่านทำออกมาน้อยกว่าของหลวงปู่เพิ่มมาก เขาบอกกันว่าเบี้ยหลวงปู่เพิ่มเอาไว้ขาย เบี้ยอาจารย์กาหาไว้ใช้ แถมราคายังถูกกว่ากันโข
๑ ประวัติโดยย่อ อาจารย์กาท่านเติบโตมาในยุคที่มีเสือปล้นฆ่า ท่านบอกว่า “ถ้าอยากอยู่อย่างสงบต้องคบเสือ” ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ท่านต้องคบเสือเป็นเพื่อนทำให้อาจารย์ทางพุทธาคมของท่านก็คือเหล่าเสือร้ายที่มีความเชี่ยวชาญทางพุทธาคม ด้วยเหตุนี้ทำให้ท่านมีดีตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาส หลวงตากา พื้นเพเป็นคนเป็นคนสุพรรบุรี หลวงพ่อขอมวัดไผ่โรงวัวได้ถ่ายทอดวิชาให้หลวงตาก่อนท่านจะมรณะภาพ หลวงตาบอกไว้ว่าได้เรียนกับหลวงพ่อขอมเป็นคนสุดท้าย หลวงตาบวชในสายธรรมยุทธและได้เรียนวิชากับหลวงพ่อเต๋ คงทองวัดสามง่ามก่อนที่จะลาสิกขาบทและมาบวชในสายมหานิกายที่วัดแค สมัยหลวงพ่ออ่อน เจ้าอาวาสขณะนั้น หลวงตาออกเบี้ยแก้เป็นครั้งแรก (พ.ศ.ไม่แน่ชัด) รุ่นแรกนี้สร้างน้อยขาของเบี้ยแก้ยังไม่แน่นนัก รุ่นนี้ลูกศิษย์แถวสมุทรปราการมาขอเช่าบูชาไป ปรากฎว่าโดนยิงกระสุนออกแต่ไม่ละคายผิวแม้แต่น้อย จึงกลับมาหาหลวงตา บอกหลวงตาว่าโดนยิงไม่เข้าแต่มันเจ็บ
หลวงตาจึงกลับมาปรับเปลี่ยนวิธีและการลงยันต์ใหม่ จึงทำให้รุ่นหลังๆๆมีทั้งรุ่นที่ปืนยิงไม่ออกและรุ่นที่ยิงไม่โดนครับ
รูปภาพและข้อมูลจากกลุ่ม เบี้ยแก้ของดีคู่กาย