แหวนปลอกมีด (นิ้วเพชรพระอิศวร) หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล พ.ศ.๒๕๔๓ รุ่น เสาร์ ๕ บูชาครู
แหวนหลวงปู่หมุนชุดนี้ ผมได้มาเกือบ 20 ปีแล้วครับ รับมาจากมือหลวงปู่สมัยมาปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดสุทัศน์ ไม่ต้องกังวลเรื่องความแท้ครับ แหวนปลอกมีดมีให้เห็นทั่วไป สร้าง 2 เนื้อครับ คือเนื้อเงิน และเนื่อนวะโลหะ ผมมีทั้ง 2 เนื้อครับ อย่างละ 1 วง (เนื้อเงินอยู่ที่บ้านคุณพ่อ วันหลังจะถ่ายรูปมาให้ชมกันครับ)

ตำนวนการสร้าง เนื้อเงินสร้าง ๙๙๙ วง เนื้อนวะโลหะ สร้าง ๑๙๙๙ วง

จากในรูปจะมีแหวน 3 วง โดยแหวนวงที่เป็นเนื้อนวโลหะนั้นคือแหวนปลอกมีด (นิ้วเพชรพระอิศวร) ส่วนแหวนเงินเนื้อเรียบนั้นคือแหวนปลอกมีดรุ่นเจริญลาภ มี 2 วง วงใหญ่และวงเล็ก ซึ่งทั้ง 3 วงนี้ผมใช้งานเฉพาะแหวนเงินเนื้อเรียบวงใหญ่ ที่เหลือคือเก็บไว้สภาพสภาพหิ้งครับ เลขแหวนนวะโลหะ คือ 1769 ส่วนแหวนเงินเนื้อเรียบนั้นเลขสวยแค่ไหนลองชมกันเอาเองครับ

ชุดนี้งดจีบครับ วัตถุมงคลหลวงปู่หมุนของผมไม่มีปล่อยครับ เพราะรับมาจากมือหลวงปู่ หาไม่ได้อีกแล้วครับ

มีของเด็ดของดีเลยขอเอามาโชว์สมาชิก MODERN MAJIK ครับ

คาถากำกับการใช้งานคือ ”อหังปิสาโธ อหังปริโจโร ปริสาโธติฯ” สวมแหวนปลอกมีดที่นิ้วชี้ขวา ภาวนา 7 คาบ เป่าลงไป เสมือนหนึ่งเป็นนิ้วเพชรพระอิศวร

ตามตำราโบราณ แหวนนิ้วเพชรพระอิศวรนั้นมีอุเท่ห์ในการใช้มากมายหลายหลากมาก เป็นวิชาที่สำคัญมากวิชาหนึ่ง ว่าด้วยการออกศึกสงครามผู้ที่สวมแหวนนี้เอาไว้เพื่อใช้กำกับดาบ แลสรรพอาวุธ ในการแก้อาถรรพ์ความอยู่ยง คงกระพันของข้าศึก แต่ถ้าหากปราศจากอาวุธเวลาต่อยตีกัน ให้ภาวนาคาถา “อัชชะตักเค” จะทำให้มีชัยชนะต่อข้าศึกทั้งหลาย หากว่าผู้ใดมีแหวนนี้ อย่าว่าแต่ศึกมนุษย์เลย ต่อให้เทวดาเหาะมาก็อย่าได้กลัว ตลอดเป็นที่คร้ามเกรง ต่อบรรดาภูต ผี ปีศาจทั้งหลาย มิอาจกล้ำกลาย สามารถป้องกันคุณไสย อวิชา ถอดถอนสิ่งอัปมงคลทั้งปวงก็ได้ และอานุภาพยังรวมไปถึงในเรื่องปกครอง ลูกน้อง และบริวารให้อยู่ในโอวาท เป็นผู้มีโภคทรัพย์ สมบัติไม่ขาดสาย จะทำการสิ่งใดก็จะสำเร็จ

ประวัติการสร้างแหวนปลอกมีด (นิ้วเพชรพระอิศวร) หลวงปู่หมุนฐิตสีโล พิธีเสาร์ห้าบูชาครูวัดสุทัศน์ เป็นรุ่นที่สร้างในปี พ.ศ.๒๕๔๓ รุ่น เสาร์ ๕ บูชาครู โดยจัดพิธีพุทธาภิเษก ๕ ครั้ง ดังนี้

ครั้งที่ ๑ ทำพิธีเททองหล่อพระรูปเหมือน รูปหล่อพิมพ์เบ้าทุบ ครอบน้ำพุทธมนต์ รูปหล่อครึ่งซีกที่ติดข้างขันน้ำมนต์ หลวงปู่หมุนอธิษฐานจิตเดี่ยวและเป็นประธานเททองที่ วัดป่าหนองหล่ม สระแก้ว เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓

ครั้งที่ ๒ ทำพิธีพุทธาภิเษกที่อุโบสถ วัดสุทัศน์ ๑๖ มีนาคม ๒๕๔๓
โดยมีคณาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกในพิธีพุทธาภิเษกนั้น ในเวลา ๐๒.๓๐ น.ของวันพิธีพุทธาภิเษกเสาร์ ๕
• หลวงปู่ละมัย วัดโพธิ์เย็น เพชรบูรณ์ (อายุ ๑๐๑ ปี)
• หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน ลพบุรี
• หลวงปู่หลุย วัดราชโยธา
• หลวงปู่ผล วัดโนนทอง ลพบุรี
• หลวงพ่อจันทร์ วัดนางหนู
• หลวงพ่อสินธิ์ชัย วัดโพธิ์เย็น เพชรบูรณ์
• หลวงพ่อถนอม คณะ ๒ วัดสุทัศน์ฯ

ครั้งที่ ๓ เสาร์ ๕ วัดป่าหนองหล่ม วันที่ ๘ เมษายน ๒๕๔๓
หลวงปู่หมุน เป็นประธานพิธีร่วมกับหลวงปู่กอง อายุ ๑๐๒ ปี วัดสระมณฑล อยุธยา
• หลวงปู่ละมัย วัดโพธิ์เย็น เพชรบูรณ์ อายุ ๑๐๑ ปี
• หลวงพ่อสมจิตร (อิน) วัดบ้านด่าน ศิษย์เอกหลวงพ่อเอีย
• หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน พระเกจิอาจารย์ผู้อยู่เหนือกาลเวลา นักบุญแห่งบ้านละล่ม จังหวัดศรีสะเกษ มาอธิษฐานจิตตั้งกสิณไฟ ปลุกเสกเดี่ยวก่อนในเวลาตี ๓ กว่าเพื่อเป็นปฐมฤกษ์ แล้วท่านก็ได้กลับไปในเวลา ๐๔.๓๐ น.โดยประมาณ เป็นที่ปลาบปลื้มแก่ผู้ที่อยู่ร่วมอยู่ในพิธีในขณะนั้น
จากนั้นเมื่อถึงเวลาฤกษ์พิธีพุทธาภิเษก ล.ป.หมุน ก็ได้จุดเทียนชัยมงคลนำฤกษ์ และได้เริ่มกำหนดจิตอธิฐานปลุกเสกโดยในพิธีนี้ได้มีพระเกจิอาจารย์ร่วมในพิธีพุทธาภิเษก ทั้งสิ้น ๔ ท่านโดยได้ประจำทิศทั้ง ๔ ทิศ อันประกอบด้วย
• หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน โดยขณะนั้นท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าหนองหล่ม
• หลวงปู่ละมัย สำนักสวนสมุนไพร จ.เพชรบูรณ์ ผู้สำเร็จวิชาปรอท และโด่งดังมาก ในวิชาสมุนไพรและวิชาปรอท
• หลวงปู่กอง วัดสระมณฑล จ.อยุธยา พระเกจิผู้แตกฉานและสืบทอดวิชาทำตะกรุดและวัตถุมงคลต่างๆสายวิชา วัดประดู่ในทรงธรรม สำนักตักศิลา แห่งเมืองเก่าอยุธยา
• หลวงปู่สมจิตร วัดบ้านด่าน ศิษย์เอกหลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่า ผู้สืบทอดวิทยาอาคมทุกๆด้านจากหลวงพ่อเอียจนหมด

ครั้งที่ ๔ ที่วัดซับลำใยในวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๔๓
ทำพิธีพุทธาภิเษกโดยหลวงปู่หมุนอธิษฐานปลุกเสาตั้งธาตุหนุนธาตุหมุนธาตุชักยันต์ครอบมณฑลพิธีอย่างตั้งใจ

ครั้งที่ ๕ วัดสุทัศน์ฯ ในวันอาทิตย์ที่ ๓๐ เมษายน เวลา ๐๙.๑๙ น. ที่อุโบสถวัดสุทัศน์

เนื้อเงินสร้าง ๙๙๙ วง เนื้อนวะโลหะ สร้าง ๑๙๙๙ วง

ประวัติโดยย่อ หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล

สกุลเดิม ศรีสงคราม เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน ๕ ปีชวด พ.ศ. ๒๔๓๗ ณ บ้านจาน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ บิดาชื่อดี มารดาชื่ออั๊ว บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๔ ปี ครอบครัวได้นำไปฝากกับพระอาจารย์สีดา เจ้าอาวาสวัดบ้านจาน ผู้เป็นพระที่เชี่ยวชาญด้านกัมมัฎฐานและมีวิชาอาคมที่เก่งมาก กระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๖๐ ทำการอุปสมบท โดยมีหลวงพ่อสีดา เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเพ็ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฐิตสีโล” แปลว่าผู้มีศีลตั้งมั่น หลังจากบวชแล้วได้จำพรรษาที่วัดบ้านจาน ศึกษาเล่าเรียนอักษรไทย อักษรขอม ฝึกกัมมัฎฐานในหมวดสมถะและวิปัสสนากรรมฐานจากพระอุปัชฌาย์ ครูบาอาจารย์ต่างๆ ในแถบนั้นเป็นเวลา ๔ ปี จากนั้นท่านมีความคิดว่าจะต้องแสวงหาครูบาอาจารย์อื่นๆ เพื่อศึกษาคันถธุระและวิปัสสนาธุระในชั้นที่สูงๆ ขึ้นไปอีก จึงออกธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ และร่ำเรียนวิชาอาคมกับพระเถระชื่อดังหลายรูปเกือบทั่วประเทศจนถึงประเทศลาว มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย ตลอดชีวิตแห่งการครองเพศบรรพชิต อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ก็ได้อุทิศตน ปฏิบัติตนตามแนวทางแห่งคำสอนของพระศาสดาอันพึงจะกระทำ สมกับฉายานามอันได้รับเมื่อครั้งอุปสมทบคือ “ฐิตสีโล” ๘๕ พรรษาแห่งการครองผ้ากาสาวพัตร ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยออกจาริกธุดงค์ ปฏิบัติบำเพ็ญเพียรทางจิตเพื่อวิมุติ คือ ความหลุดพ้นตลอดจนออกโปรดญาติโยมไปยังทิศานุทิศ ทั่วทุกภาคของประเทศ ในช่วงปัจฉิมวัย ตราบจนล่วงเข้าอายุ ๘๐ ปี จึงได้หยุดจารึก กลับสู่มาตุภูมิ คือแดนแห่งบ้านเกิด คือวัดบ้านจานในปัจจุบัน และเป็นหลักชัยให้แก่ชาวบ้าน ต.บ้านจาน อันเปรียบเสมือน ลูก หลาน เหลน ของท่าน ไม่อาจจะพยากรณ์ได้ว่าพระเดชคุณ “ หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล” จะเป็นพระอริยะสงฆ์ผู้สามารถประหารกิเลส บรรลุสู่คุณธรรมชั้นสูงหรือไม่ แต่ ศิษยานุศิษย์ก็กราบไหว้และเคารพนับถือท่านด้วยความสนิทใจในปฏิปทาอาจาริยวัตรที่ท่านประพฤติ ปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเวลา ๐๗:๓๐ น. วันที่ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๖ วงการสงฆ์และฆราวาส จ.ศรีสะเกษ ต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ โดย หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านจาน ต.จาน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคชรา รวมอายุ ๑๐๙ ปี ๘๗ พรรษา

วาจาสิทธิ์ของหลวงปู่หมุน ที่ได้กล่าวไว้ก่อนละสังขาร ซึ่งลูกศิษย์และชาวบ้านต่างจดจำได้ติดหู คือ “..ของๆฉันสร้างเองกับมือ ใครมีไว้บูชาจะ หมุนโชคลาภร่ำรวยตลอดเวลา ทำมาค้าขึ้น ไม่มีวันจนประกอบสัมมาอาชีพใดก็รุ่งเรือง เจริญลาภยศสรรเสริญ จะมีชื่อเสียงหอมขจรขจาย ขอให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี ละเว้นชั่ว คุณพระจะรักษา เทวดาจะคุ้มครอง แม้นว่าฉันจะตายไป ของๆ ฉันจะขลังกว่านี้อีกหลายร้อยเท่า น้ำลาย ไอปาก ลมปราณที่ประจุลงไปด้วยพลังจิตอันเข้มขลังของฉัน ย่อมเป็น หนึ่งบ่เป็นสอง ครบเครื่องเป็นองค์พระที่ดีทั้งนอก ดีทั้งใน ฝากไว้ในแผ่นดิน ให้เลื่องชื่อลือนาม ลือเรื่องถึงเมืองแมน“

ขอขอบคุณข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต